พระธรรม อิสยาห์
บทที่ 2 อยู่เย็นเป็นสุขตลอดกาล (ข้อ ๑ – ๕)
ถ้อยคำที่พระเจ้าตรัสแก่อิสยาห์บุตรอามอสถึงประเทศยูดาห์ และกรุงเยรูซาเล็ม มีดังนี้ว่า
พระวิหารตั้งอยู่บนภูเขา สถิตเนาสูงสุดไซร้ในภายหน้า
นานาชาติพร้อมใจหลั่งไหลมา ณ ภูผาแห่งนี้ที่สำคัญ
ชนทั้งนั้นพร่ำกล่าวให้เราไป ที่ไศลของพระเจ้าเฝ้าบุกบั่น
ไปวิหารไท้สถิตนิจนิรันดร์ ของเผ่าพันธุ์อิสราเอลเห็นจะดี
เพื่อจะทราบพระประสงค์องค์พระเจ้า จะได้เฝ้าตามไปให้ถูกที่
ตามมรรคาขององค์ทรงฤทธี แนววิถีทรงเลือกไว้ให้ตรงทาง
พระเป็นเจ้าทรงดำรัสตรัสสั่งสอน ประชากรทั้งมวลถ้วนทุกอย่าง
จากเยรูซาเล็มไปไม่อำพราง และเมืองต่างศิโยนนั้นท่านสอนมา
ธ ขจัดข้อโต้แย้งแจงเหตุผล ในหมู่ชนชาติใหญ่หลายภาษา
เขาตีดาบเป็นของใช้ผาลไถนา หอกคมกล้าตีเป็นมีดลิดกิ่งไกว
ชาติต่างต่างไม่มีวันหันเข้าสู่ การรบสู้สงครามนี้ไม่มีใกล้
ไม่เตรียมตัวราวี ณ ที่ใด อีกต่อไปใจสงบเลิกรบกัน
บทที่ 5 เพลงกล่าวถึงไร่องุ่น (ข้อ ๑ – ๒)
ฟังไว้ให้ดีเถิดนะ ฉันจะร้องเพลงเปล่งเสียง
เล่าถึงยอดมิตรชิดเคียง พร้อมเพรียงองุ่นไร่ให้ฟัง
เพื่อนฉันนั้นมีไร้องุ่น เป็นทุนมากพอรอหวัง
ขึ้นบนเขาใหญ่อยู่ยัง ปลูกฝังที่แดนแสนอุดม
เขาเตรียมเร่งรุดขุดดิน เก็บหินคณานับทับถม
แล้วปลูกองุ่นล้วนชวนชม นิยมพันธุ์ที่ดีล้ำ
เฝ้าไร่ใช้หอสูงก่อ ขุดบ่อกว้างใหญ่ไว้ย่ำ
องุ่นแก่คอยท่าประจำ กลับช้ำเปรี้ยวแสนแค้นใจ
อิสราเอลเป็นองุ่นพูนไร่ ของไท้เดชามหาศาล ๘
ยูดาห์เป็นองุ่นเถาเก่านาน จัดการปลูกไว้ไท้ทำ
พระองค์มุ่งหวังตั้งใจ จะให้เขาฟังดังพร่ำ
ทำสิ่งที่ชอบกอปรกรรม กลับซ้ำฆ่าคนจนตาย
ธ หวังทำถูกทุกคน แต่ชนเป็นเหยื่อเบื่อหน่าย
อ้าปากร้องขอต่อนาย มุ่งหมายสิ่งสุดยุติธรรม
บทที่ 6 พระเจ้าทรงเรียกอิสยาห์ให้เป็นผู้เผยพระวจนะ
สาธุการพระองค์ทรงฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ในหล้า ๓
พระสิริสูงส่งศักดา โลกาปรากฏยศองค์
บทที่ 9 กษัตริย์ในอนาคต
ข้อที่ 1-7
ดินแดนของเผ่าเศบูลุน และนัฟทาลีเคยเป็นที่น่าอับอายขายหน้า แต่ในภายหน้าดินแดนแห่งนี้จะกลับได้เกียรติยศ คือ ดินแดนต้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางด้านตะวันออกไปจนถึงดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ถึงกาลิลีชาวต่างประเทศจะอาศัยอยู่
ผู้เดินอยู่ที่มืดไซร้ได้เห็นแสง สว่างแจ้งแจ่มจ้าพาสดใส
เขาอยู่ในที่มัวมืดทั่วไป บัดนี้ได้พบสว่างกระจ่างตา
โอ้ข้าแต่พระองค์ทรงเป็นเจ้า ผู้ให้เขาเกษมสันต์สุดหรรษา
ทรงทำให้เขายินดีเปรมปรีดา สุขอุราชื่นชมสมใจปอง
เขานิยมสิ่งที่ ธ ทรงกระทำ เหมือนชื่นฉ่ำยามเก็บผลเหลือล้นผอง
หรือเหมือนผู้แบ่งสินทรัพย์นับเนืองนอง ที่ยึดครองมาได้ใจยินดี
เพราะแอกที่เป็นภาระ ธ ทรงหัก ช่วยผ่อนหนักให้เขาเบากว่านี่
หักไม้เรียวที่หวดหลังยั้งเฆี่ยนตี ทรงปรานีบรรเทาแก่เขาพลัน
พระเจ้าทรงมีอำนาจปราบชาติที่ ทำกดขี่ชนของไท้ใคร่คอยบั่น
เหมือนทรงปราบทัพมีเดียนดุจเดียวกัน เมื่อนานครันล่วงเลยเคยได้ดู
ของที่ถูกกองทัพปล้นขนเอามา กับเสื้อผ้าเลือดเปรอะเลอะเทอะอยู่
องถูกเอาเผาไฟไหม้พองฟู ลุกลามสู่สิ่งใดไหม้มลาย
โปรดให้มีทารกใหม่ได้มาสู่ เกิดในหมู่พวกเรานั้นพลันสมหมาย
ธ ประทานดีที่สุดมอบบุตรชาย ให้เป็นนายปกป้องคุ้มครองเรา
ชนเรียกท่านเป็น “ที่ปรึกษาล้ำฉลาด” ขานมิขาด “พระทรงฤทธิ์” ชิดพระเจ้า
“พระบิดานิรันดร์” นิจสถิตเนา บ้างขานเอา “องค์สันติราช” อาจเรียกไป
พระอำนาจไท้พูนเพิ่มเสริมส่งนัก อาณาจักรอยู่ร่มเย็นเป็นสุขใส
ทรงครองดุจรัชทายาทราชเกรียงไกร กษัตริย์ใหญ่ ดาวิด พิชิตมาร
อำนาจไท้ใช้อย่างดียุติธรรม เที่ยงตรงล้ำชั่วนิรันดร์วันพ้นผ่าน
พระเจ้าผู้ทรงฤทธาปรีชาญาณ ทรงกอปรการตามที่กล่าวแจ้งข่าวมา
บทที่ 11
(ข้อ 1-9)
ราชวงศ์ดาวิดก็เหมือนต้นไม้ที่ถูกโค่นลง มีกิ่งอ่อนแตกมาจากตอฉันใด ก็จะมีกษัตริย์องค์ใหม่ประสูติจากวงศ์ดาวิดฉันนั้น
พระทรงฤทธิ์จะประทานพระปัญญา เลิศล้ำค่าแก่ท่านทรงสรรให้
ประทานความรู้ถ้วนล้วนเข้าใจ เหล่าพลไพร่ท่านสามารถอาจปกครอง
จะรู้แท้น้ำพระทัยในพระเจ้า จงน้อมเกล้ายำเกรงไท้ไม่จองหอง
จงเต็มใจรับใช้ฝ่าละออง ไม่ควรต้องตัดสินความตามยินยล
พิพากษาผู้คนจนยิ่งล้ำ ยุติธรรมเที่ยงแท้แน่ทุกหน
และปกป้องเสรีสิทธิชน ผู้กมลยอมถ่อมอ่อนน้อมใจ
เมื่อพระองค์ดำรัสตรัสบัญชา พสุธาจะถูกทัณฑ์อันยิ่งใหญ่
คนชั่วบาปหยาบช้าทั่วหน้าไป โทษหนักให้ถึงตายวอดวายครัน
ธ ปกครองพลไพร่ใจเที่ยงธรรม ซื่อตรงล้ำสุจริตไม่บิดผัน
สุนัขป่าลูกแกะรวมอยู่ร่วมกัน ด้วยสุขสันต์สงบจิตเป็นมิตรดี
เสือดาวนอนกับลูกแพะและหยอกล้อ ลูกสิงห์คลอลูกวัวเดินเพลินเหลือที่
ต่างหากินร่วมสมทบไม่ตบตี เด็กเล็กมีเฝ้าอยู่คอยดูแล
แม่วันและหมีทั้งสิ้นร่วมกินอยู่ ลูกวัวคู่ลูกหมีรี่นอนแผ่
มิตรภาพซาบซ่านเบิกบานแด สิงโตแท้กินฟางเหมือนอย่างวัว
แม้ทารกก็พากันมาเล่น จะไม่เป็นอันตรายร่างกายทั่ว
แม้เล่นใกล้งูพิษฤทธิ์น่ากลัว ที่ตามตัวไร้รอยแผลอย่างแท้จริง
ณ ศิโยนภูเขานั้นอันศักดิ์สิทธิ์ ของทรงฤทธิ์เกรียงไกรผู้ใหญ่ยิ่ง
ทุกอย่างไม่ชั่วช้าน่าชังชิง ถ้วนทุกสิ่งปลอดภัยไม่อันตราย
ทั่วพิภพจบแดนพื้นแผ่นดิน จะรู้สิ้นเรื่องพระเจ้าเราทั้งหลาย
ดุจทะเลน้ำล้นท้นกระจาย เอ่อมากมายเปี่ยมฝั่งไหลหลั่งนอง
บทที่ 12 บทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า
จะถึงวันที่พวกประชากรจะร้องเพลงว่า
“พระเป็นเจ้าข้าสรรเสริญเยินยอองค์ พระเจ้าทรงกริ้วโกรธาข้าทั้งหลาย
แต่บัดนี้ทรงปลอบข้าพาผ่อนคลาย ธ ทรงหายกริ้วข้าน่ายินดี
ธ ทรงช่วยข้ารอดตนผ่านพ้นภัย ข้าวางใจไม่หวั่นกลัวทั่วทุกที่
ประทานพลังอำนาจเพิ่มเสริมทวี แก่ชนผู้หิวน้ำยามกระหาย
เช่นเราชมชื่นชีวีมิมีคลาย สุขสมหมายเมื่อทรงช่วยด้วยเมตตา”
จะถึงวันนั้นที่ประชากรจะร้องเพลงว่า
“ขอบพระคุณพระเจ้าเฝ้าพร่ำพร้อง จะขอร้องให้พระเจ้าช่วยเถิดหนา
บอกชาติปวงไท้กอปรกรรมล้ำคุณา และเล่าว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงไรนั้น
จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเนาสูงส่ง เพราะพระองค์ทำกิจเลิศประเสริฐสรรพ์
ให้ทั่วโลกยินเรื่องนี้ที่สำคัญ ต่างกล่าวขวัญสรรเสริญองค์พระทรงชัย
ให้ทุกคนในศิโยนตะโกนก้อง ต่างโห่ร้องยินดีจะมีไหน
ร่วมร้องเพลงบรรเลงขับเพราะจับใจ ถวายไท้ทรงฤทธีด้วยปรีดชา
พระเจ้าผู้พิสุทธิ์นักทรงศักดิ์สิทธิ์ ธ ทรงฤทธิ์ของอิสราเอลเห็นคุณค่า
ทรงสถิตอยู่ท่ามกลางหว่างประชา ชนทั่วหน้าของพระเจ้าเฝ้าพร้อมเพรียง
บทที่ 25 บทเพลงยอพระเกียรติ
(ข้อที่ 1-5)
ข้าแต่พระเป็นเจ้าเนาสูงส่ง เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของเหล่าข้า
ข้าจักยอพระเกียรติองค์ทรงศักดา น้อมบูชาสรรเสริญไท้ในพระนาม
ทรงทำการมหัศจรรย์สรรพสิ่ง สำคัญยิ่งนักหนาอย่ามองข้าม
เมื่อนานมาทรงดำริตริตรองความ ทรงทำตามทุกประการงานพระองค์
ทรงเปลี่ยนเมืองทั้งหลายกลายหักพัง ทำลายทั้งป้อมปราการล้างผลาญส่ง
พระราชวังศัตรูสร้างอย่างมั่นคง หักพังลงตลอดกาลรานทำลาย
ชาติทั้งมวลถ้วนที่มีอำนาจ มิได้ขาดสรรเสริญเยินยอถวาย
ชาติที่เหี้ยมโหดทั่วชั่วมิคลาย สยบกายกลัวองค์พระทรงธรรม
คนยากจนสิ้นหวังทั้งหมดนี้ ยังจะหนีหาพระเจ้าวันยังค่ำ
ในยามทุกข์ยากแค้นแสนระกำ ธ ทรงนำให้รอดจนปลอดภัย
ทรงกำบังเขาจนพ้นพายุ ร้อนระอุเผาพ้นผ่านหม่นไหม้
คนใจโหดเขาทำร้ายคล้ายลมไกว พายุใหญ่ในหน้าหนาวพัดร้าวราน
เหมือนความแห้งเหลือแสนในแดนดิน แล้งทั้งสิ้นร้าวแยกดูแตกซ่าน
แต่พระเจ้าสูงส่งทรงบันดาล ให้หมู่พาลศัตรูผองต้องเงียบงัน
คนใจโหดเกรี้ยวกราดตวาดขู่ ตะโกนอยู่กึกก้องร้องเสียงลั่น
ทรงบันดาลให้สงบจบลงพลัน เหมือนเมฆผันให้วันร้อนผ่อนเย็นลง
บทที่ 26 พระเจ้าทรงให้ประชากรของพระองค์ชนะ
ข้อที่ 1-19
ใกล้วันที่คนทั้งหลายจะร้องเพลงบทนี้ในประเทศยูดาห์แล้ว
นครของเตาแข็งแกร่งเหลือที่ กำแพงนี้ ธ คุ้มครองปกป้องอยู่
ชาติสัตย์ซื่อเข้ามาเถิดเปิดประตู ชาติที่ผู้คนทำล้ำสิ่งดี
ข้าแต่พระเป็นเจ้าเนานิจกาล โปรดประทานเกษมสันต์อันสุขี
แก่ชนใจแน่วแน่พอต่อภูมี และผู้ที่วางใจในพระองค์
จงวางใจพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ ตลอดไปทำตามพระทรงประสงค์
พระองค์จะพิทักษ์รักษ์มั่นคง ยั่งยืนยงทรงป้องกันผองพาลภัย
ทรงทำให้คนยโสที่โอหัง ต้องยับยั้งถ่อมกมลลงจนได้
ทรงทำลายนครแข็งแกร่งเกรียงไกร เขาอาศัยอยู่นั้นบ่นมลาย
กำแพงเมืองพินาศลงทรงบันดาล ให้แหลกลาญเป็นผงลงเสียหาย
บัดนี้ผู้ถูกกดขี่ที่เกลื่อนกราย เขามุ่งหมายเหยียบย่ำซ้ำให้จม
สรรเสริญพระเจ้าผู้เที่ยงธรรม
พระเป็นเจ้าบันดาลดลทางคนดี สุขชีวีราบรื่นไปเมื่อได้เห็น
เราทำตามประสงค์ไท้ไม่ลำเค็ญ พระองค์เป็นทุกสิ่งที่เราปอง
ยามค่ำคืนข้าใฝ่หาพระทรงฤทธิ์ ด้วยสุดจิตใจมอบตอบสนอง
พิพากษาโลก ชนย้ำตามทำนอง คนทั้งผองจะรู้ซึ้งถึงเที่ยงธรรม
ทั้งที่ทรงพระกรุณาเมตตาทั่ว แก่คนชั่วเหลวไหลที่ใฝ่ต่ำ
พวกเขายังไม่ชอบประกอบกรรม ไม่เคยทำสิ่งถูกต้องผองความดี
แม้แต่ในประเทศที่มีปวงชน ล้วนเป็นคนชอบธรรมล้ำเหลือที่
เขายังทำผิดประเพณี ไม่ยอมรับภูมีนี้ยิ่งยง
พวกศัตรูไม่รู้ใจไท้สูงส่ง ว่าจะทรงลงโทษเขาเฝ้าประสงค์
พระเป็นเจ้าให้เขาหลบซบหน้าลง ได้โปรดทรงให้เขาอายขายหน้าคน
และปล่อยให้เขาลำบากยากทวี ดุจดังที่ทรงเตรียมไว้ให้หมองหม่น
ให้เขาเห็นว่าทรงรักพิทักษ์ชน รักไพร่พลของไท้มากมายครัน
พระเป็นเจ้าพระองค์จะทรงให้ พวกข้าได้รุ่งเรืองประเทืองมั่น
พวกข้าทำสำเร็จยิ่งทุกสิ่งสรร ผลอันนั้นองค์ไท้ทำให้มวล
พระเจ้าข้าคนอื่นขึ้นปกครอง พวกเราผองเขาเข้มงวดกวดขันถ้วน
แต่พระองค์ผู้เดียวนี้ที่สมควร ทรงเลิศล้วนเป็นพระเจ้าเรานิจกาล
บัดนี้พวกเขาวายไร้ชีวิต ผีไม่คิดฟื้นขึ้นยุ่งฟุ้งซ่าน
ทรงทำตามและลงทัณฑ์ทรมาน ชั่วกาลนานทุกคนเลือนแชเชือนไป
โปรดให้ชาติเราชื่นชมสมมุ่งหมาย ขยับขยายเขตแดนแว่นแคว้นใหญ่
ออกไปหมดทุกข้างดูกว้างไกล นี่ทำให้ไท้ยิ่งยศปรากฏครัน
พระเจ้าทรงลงทัณฑ์เหล่าชาวประชา ชนทั่วหน้ารักโทษไท้คิดไหวหวั่น
พวกเขาทูลวอนองค์พระทรงธรรม ด้วยโศกศัลย์สุดเศร้าปวดร้าวทรวง
พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงทำให้ พวกเราไซร้ต้องร้องครางอย่างหนักหน่วง
เหมือนสตรียามคลอดบุตรสุดสิ่งปวง เจ็บปวดถ่วงจนต้องร้องครวญคราง
เราเจ็บปวดทรมานสังขารไซร้ แต่มิได้ตลอดด้วยป่วยมิสร่าง
ไม่นำชัยให้ประเทศเขตที่ทาง ทั่วทุกอย่างมิได้ทำสำเร็จเลย
คนของเราที่ตายไปกลับได้ฟื้น มีชีพชื่นคืนสู่ร่างอย่างเปิดเผย
ผู้หลับในอุโมงค์ตื่นขึ้นอย่างเคย ไม่นิ่งเฉยแต่ร้องเพลงครื้นเครงใจ
พระเป็นเจ้าจะทรงให้ผู้ตายนาน กลับมีมานสดชื่นฟื้นมาใหม่
เหมือนน้ำค้างพรมโลกโชกทั่วไป
พาสดใสชื่นฉ่ำล้ำเบิกบาน
บทที่ 35 ทางบริสุทธิ์
ทะเลทรายระรื่นดูชื่นชม เริงอารมณ์ยินดีจะมีไหน
ดอกไม้บานสะพรั่งทั้งแดนไป แม้แต่ในแดนดินถิ่นกันดาร
ทะเลทรายจะร้องเพลงเปล่งเสียงก้อง ตะโกนร้องโห่รับช่วยขับขาน
จะสวยสดทุกยามงามตระการ ดุจสถานภูผาเลบานอน
เหมือน ชาโรน และ คารเมล เด่นอุดม ดูเหมาะสมเลื่องชื่อลือกระฉ่อน
ชนเห็นความงามสง่าด้วยพระพร และสะท้อนความยิ่งใหญ่ไท้เดชา
จงพูนเพิ่มเสริมพลังเข้มขลังดี ให้มือที่อ่อนเปลี้ยเพลียนักหนา
เติมแรงที่หัวเข่าอ่อนถอนระอา แสนเมื่อยล้าสั่นระริกพลิกไม่ไป
บอกทุกคนที่ท้อถอยพลอยหมดแรง จงเข้มแข็งอย่ามัวกลัวอยู่ได้
ธ เสด็จมาช่วยด้วยเร็วไว ศัตรูภัยทรงแก้แค้นแทนไม่เว้น
คนตาบอดมองไปได้เห็นสิ้น หูหนวกยิน คนง่อยโดดเริงโลดเต้น
คนใบ้โห่ร้องยินดีที่พูดเป็น ธารน้ำเย็นไหลผ่านคละทะเลทราย
ทรายถูกแดดเผาร้อนก่อนจะกลาย ดุจธารสายทะเลสาบทรายหยาบหาย
แผ่นดินแห้งแล้งล้ำซ้ำกลับกลาย เปลี่ยนเป็นสายน้ำพุนองเกิดฟองฟู
ต้นหญ้าแซมกอ กก รกน่าดู ขึ้นเป็นหมู่งอกงามไปตามกัน
ที่นั่นมีถนนหลวงชนปวงเรียก ต่างพร่ำเพรียก “ทางพิสุทธิ์” ดุจสวรรค์
ไร้คนบาปหยาบช้ามาเดินครัน ทางสายนั้นคนโง่คงไม่หลงทาง
ที่นั่นไม่มีสิงโตมาโอ่กาย สัตว์ดุร้ายหลีกไปอยู่ไกลห่าง
มีแต่ผู้ทรงช่วยไว้ไม่อำพราง เขาก้าวย่างทางนี้ผ่านกลับบ้านตน
เขากลับถึงเยรูซาเล็มเต็มด้วยใจ ที่สดใสยินดีไม่มีบ่น
พลางร้องเพลงเสียงสนั่นกันทุกคน เปรมปรีดิ์ล้นโห่ร้องกึกก้องไกล
เขาจะมีความสุขสนุกสนาน แสนเบิกบานสมคิดจิตสดใส
พ้นจากความทุกข์เศร้าร้าวรานใจ ตลอดไปชั่วกาลนิรันดร
บทที่ 38 กษัตริย์เฮเซคิยาห์ ทรงประชวรและหายเป็นปกติ
ข้อที่ 9-20
หลังจากกษัตริย์เฮเซคียาห์หายจากประชวร พระองค์ทรงประพันธ์บทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ดังนี้
ข้าพระองค์คิดว้าข้าต้องไป สู่ในแดนมรณาพาโศกศัลย์
เสียตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่วัยฉกรรจ์ อยู่ไม่ทันถึงสุดท้ายปลายชีวี
ชั่วชีพนี้ดวงจิตข้าคิดไว้ จะไม่ได้เห็นพระเจ้าเศร้าเหลือที่
หรือได้พบมนุษย์ชนยลอีกที ชั่วชีพนี้ฝันใฝ่คิดใคร่ครวญ
ชีวิตของข้าพระองค์คงสิ้นสุด เปรียบประดุจกระโจมตั้งพังรื้อด่วน
เหมือนผ้าทอดตัดจากหูกถูกแปรปรวน คิดทบทวน ธ จะให้ข้าวายปราณ
ข้าครวญครางทั้งคืนฝืนตรมกาย รู้สึกคล้ายสิงโตกัดฟัดหักหาญ
กระดูกข้าคงแตกลงแหลกลาญ ข้าเศร้ามานคิดว่าไท้ให้สิ้นชนม์
น้ำเสียงข้าแผ่วสุดดุจวิหก สำเนียงนกพิราบครางอย่างหมองหม่น
แหงนดูฟ้าดวงตาฟางช่างมืดมน โปรดช่วยดลพ้นยากลำบากครัน
ข้าพระองค์จะพูดได้อย่างไรเล่า พระเป็นเจ้าทรงกระทำกอปรการณ์นั่น
ดวงจิตข้าขื่นขมตรมทุกวัน สุดโศกศัลย์นอนไม่หลับระงับใจ
พระเป็นเจ้าข้าพระองค์คงอยู่นี้ เพื่อภูมีผู้เดียวหนาข้าอยู่ได้
ขอโปรดทรงรักษาข้าเรื่อยไป และโปรดให้มีชีวีที่เนิ่นนาน
ความขื่นขมจางหายกลายเป็นสุข ช่วยคลายทุกข์รอดตนภัยพ้นผ่าน
ทรงยกโทษโปรดบาปหยาบช้ามาน ทรงประทานอภัยไกลบาปมวล
ความซื่อสัตย์ของพระองค์ทรงค่าควร คนตายล้วนมิได้วางใจเลย
พวกคนเป็นเท่านั้นสรรเสริญองค์ เช่นข้าคงเยินยอไท้ใฝ่เฉลย
บิดาเล่าสู่ลูกหลานกล่าวขานเปรย เขาเปิดเผยความซื่อตรงของทรงธรรม
พระองค์ทรงรักษาปวงข้านี้ ข้าภักดีดีดพิณซ้องทำนองพร่ำ
สรรเสริญในพระวิหารขานลำนำ เสนาะล้ำชั่วชีวาข้าพระองค์
บทที่ 40 ถ้อยคำที่ให้ความหวัง
พระเป็นเจ้าของเจ้าตรัสดำรัสไว้ “จงปลอบใจคนของเรา” เฝ้าอุตส่าห์
พูดให้ชาวเยรูซาเล็มเต็มศรัทธา แข็งแกร่งกล้าเข้มขลังพลังใจ
บอกเขาว่าทุกข์ยากมากนานเนา พระเป็นเจ้าทรงโปรดยกโทษให้
ธ ตรัสว่าเราลงทัณฑ์อันหนักไป เท่าเขาได้ทำบาปชั่วที่มัวเมา
ในแถวถิ่นทะเลทรายเรียงรายกอง มีเสียงร้องประกาศมาจากพระเจ้า
“จงเตรียมทางถิ่นกันดารจัดการเอา ไว้คอยเฝ้ารับองค์ทรงศักดา”
ถมหุบเขาให้เต็มล้นจนทุกที่ ปรามคีรีให้เรียบเปรียบพื้นหล้า
เนินไศลราบประดุจพสุธา พื้นโลกาขรุขระปราบให้ราบลง
พระเจ้าทรงให้มนุษย์ปุถุชน ต่างได้ยลพระสิริที่สูงส่ง
พระองค์ตรัสสัญญาวาจาตรง พระเจ้าทรงดำรัสไว้ไม่ผันแปร
มีเสียงร้องบอกข่าวพร่ำกล่าวมา เอ่ยวาจา “จงประกาศ” อาจยินแน่
ข้าพเจ้าจึงถามพร้องเพราะข้องแด ให้ข้าแพร่ประกาศใดอย่างไรกัน
จงกล่าวว่ามนุษย์ชมคนทั้งหลาย มองดูคล้ายต้นหญ้าไร้ค่านั่น
เหมือนดอกไม้ในป่าสารพัน อยู่นานวันมิได้ไม่ทานทน
หมู่ต้นหญ้าทั้งนั้นพลันเหี่ยวเฉา ไม้ป่าเล่าโรยร่วงดอกปวงหล่น
ลมพัดเมื่อไท้ทรงธรรมบันดาลดล มนุษย์ชนไม่เก่งกว่าต้นหญ้าไป
ต้นหญ้าปวงเหี่ยวเฉาเหงานักหนา ดอกไม้ป่าร่วงหล่นไม่ทนได้
แต่ถ้อยคำของพระเจ้าช่างเร้าใจ ดำรงในโลกทั่วไปชั่วกาล
ชาวเยรูซาเล็มเอ๋ยเผยข่าวดี ยอดคีรีจงขึ้นไปเล่าไขขาน
ชาวศิโยนตะโกนดังเสียงกังวาน เผยข่าวสารล้วนเลิศประเสริฐดี
พูดมาเถิดเปิดเผยเอ่ยพจน์พร่ำ เจ้าอย่าทำกลัวไปไม่ควรที่
บอกเมืองทั่วยูดาห์ไม่ช้าที ว่าภูมีผู้สำเร็จเสด็จมา
พระเจ้าจะเสด็จลงทรงครอบครอง หมู่ชนผองด้วยอำนาจฉกาจกล้า
นำผู้ที่ทรงช่วยด้วยเมตตา มาพร้อมหน้าด้วยกันร่วมครรไล
ทรงพิทักษ์รักษาประชาชน ประดุจคนเลี้ยงแกะหมู่คอยอยู่ใกล้
ทรงรวมแกะอุ้มในแขนแสนปลอดภัย ทรงนำไปแม่แกะที่ล้วนดีจริง
พระเจ้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ของชาติอิสราเอล
ใครเล่าที่ตวงธารามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดไว้ในหัตถ์ถนัดแน่
หรือวัดฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลแท้ ด้วยมือแค่คืบพลันเท่านั้นไซร้
มีใครใช้ถ้วยน้อยคอยประคอง มารับรองพื้นดินทุกถิ่นได้
หรือชั่งภูผาที่มีใกล้ไกล ทั้งน้อยใหญ่ด้วยตราชูให้ดูครัน
มีใครบ้างสั่งพระเจ้าเฝ้ากล่าวย้ำ ให้ทรงทำทุกสิ่งได้ดังใจมั่น
ใครสามารถสอนพระเจ้าเฝ้ารำพัน หรือกวดขันแนะนำไท้ได้แน่จริง
พระเจ้าทรงปรึกษาหารือใคร เพื่อเข้าใจรู้ชัดถนัดยิ่ง
ว่าควรทำการใดไม่ประวิง ถ้วนทุกสิ่งทรงไต่ถามข้อความใคร
สำหรับ ธ สูงส่งผู้ทรงสร้าง ชาติต่างต่างจะมีค่าก็หาไม่
เป็นเหมือนน้ำหยดน้อยจ้อยกระไร เกาะอยู่ไกลเบาบางอย่างธุลี
สัตว์ทั้งหมดในป่าเลบานอน ทั่วนครไม่พอใช้ในหน้าที่
ถวายบูชาสักการะพระภูมี ต้นไม้นี้ไม่มากพอก่อไฟครัน
ชาติทั้งหลายไร้ค่าต่อพระองค์ ใครไม่คงเทียบพระเจ้าของเรานั่น
ตัวท่านนี้จะบรรยายอย่างไรกัน ว่าทรงธรรมเหมือนสิ่งใดคิดใคร่ครวญ
ให้ไม่เหมือนรูปปั้นอันวิจิตร ที่ช่างคิดประดิษฐ์วางอย่างครบถ้วน
ใช้ทองคำห่อหุ้มปกคลุมมวล ฐานเงินล้วนรองรับสำหรับวาง
ผู้ยากไร้เงินทองปองอยากได้ ก็เลือกไม้แก่นดีที่จะสร้าง
หาช่างดีฝีมือเยี่ยมเตรียมที่ทาง ทำรูปร่างที่ไม่คว่ำคะมำลง
ท่านไม่รู้และยินบ้างหรือย่างไร ไม่มีใครบอกหรือเฉยละเลยส่ง
ไม่เคยรู้ว่าโลกนี้ที่ดำรง ยั่งยืนยงมีมาได้อย่างไรกัน
ท่านผู้ที่ประทับยังบัลลังก์ทรง ก็สูงส่งเหนือโลกหล้าฟ้าสวรรค์
เป็นผู้สร้างโลกพิภพจบแดนครัน มนุษย์นั้นเหมือนมดเล็กดูเด็กจริง
พระองค์ทางกางท้องฟ้าออกมากว้าง ประดุจกางม่านกั้นอันใหญ่ยิ่ง
หรือเหมือนขึงกระโจมไว้ได้แอบอิง ชนพักพิงอาศัยคุ้มภัยพาล
ผู้ปกครองเรืองอำนาจที่อาจอง พระเจ้าทรงปลดออกไปไท้หักหาญ
เขาเป็นเหมือนพืชอ่อนห่อนทนทาน ต้องริดรานถอนรากกระชากไป
พอพระเจ้าให้ลมพัดสะบัดมา แห้งโรยราปลิวเหมือนฟางช่างอ่อนไหว
ใครจะมาเทียบองค์พระทรงชัย มีผู้ใดเหมือนพระองค์ทรงศักดา
แหงนหน้าดูท้องฟ้าเถิดหนาเจ้า แล้วใครเล่าสร้างดาวพร่างพราวหล้า
ท่านผู้นี้นำหน้าปวงดาวดารา ให้ออกมาเหมือนนำทัพรับศัตรู
ดวงดาวมีมากแค่ไหนไม่รู้ทัน เรียกชื่อพลันทุกดวงเห็นเรียงเป็นหมู่
ทรงฤทธาเลิศล้วนควรเชิดชู ดาวคงอยู่ไม่หายแน่แม้ดวงเดียว
อิสราเอลใยว่าพระเจ้าอยู่ ไม่ทรงรู้ท่านลำบากยากเปล่าเปลี่ยว
หรือจัดให้เหตุการณ์อันขันเกลียว ได้ยึดเหนี่ยวด้วยดีมีแก่ตน
เจ้าไม่รู้ไม่ยินบ้างหรืออย่างไร พระทรงชัยเป็นพระเจ้าเราทุกหน
ธ ทรงสร้างโลกหล้าทั่วสากล บันดาลดลตั้งพิภพอย่างครบครัน
พระเจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยหรือเมื่อยล้า ชนทั่วหน้าไม่เจนจิตความคิดนั่น
ทรงประทานพลังให้ใดเทียมทัน ให้ชนอันเหนื่อยอ่อนสะท้อนใจ
แม้แต่คนหนุ่มฉกรรจ์นั้นยังเพลีย แสนระเหี่ยแรงหดหมดไปได้
แต่ผู้เชื่อร้องให้ช่วยทรงอวยชัย ให้เขาได้มีพลังเหมือนดังเดิม
เขาจะกางปีกบินจาถิ่นที่ เหมือนอินทรีนกใหญ่ไท้ส่งเสริม
เมื่อวิ่งไปไม่เหนื่อยลง ธ ทรงเติม ยามเดินเพิ่มแรงให้ไม่ล้าเลย
บทที่ 41 พระเจ้าทรงให้อิสราเอลมั่นใจ
พระเจ้าตรัสว่า
“ชาวประเทศแดนไกลทั้งหลายนั้น จงเงียบงันนิ่งฟังดังสอนนี่
เตรียมตัวขึ้นศาลแถลงแจ้งคดี เจ้าได้มีโอกาสพร่ำคำชี้แจง
ให้เรามาครบถ้วนล้วนพร้อมหน้า ร่วมปรึกษาหารือด่วนควรแถลง
ใครถูกผิดคิดให้ชอบตอบแสดง ไม่ระแวงใครถูกแน่อย่างแท้จริง
ใครนำผู้พิชิตมาพาผายผัน จากตะวันออกไกลให้เกรงกริ่ง
ให้เขาเป็นฝ่ายชนะไม่ประวิง มีชัยยิ่งไม่ว่าไปที่ใดกัน
ใครให้เขาชนะราชกษัตรา ชาตินานาทั่วไปมีชัยมั่น
ดาบฟันคนเหมือนหยวกขาดไล่ฟาดฟัน ธนูลั่นคนหนีอย่างฟางต้องลม
ท่านไล่ตามเขาทั้งสั่งเดินทัพ รีบเร็วลับอย่างปลอดภัยหทัยสม
รวดเร็วไวดูไม่ทันผันน่าชม เท้าไม่จมแตะพื้นลอยเคลื่อนคล้อยไป
ใครเป็นผู้ทำให้เป็นเช่นนี้เล่า และใครเฝ้าตัดสินถ้วนประมวลให้
ประวัติศาสตร์เป็นดังนี้ฝีมือใคร ตัดสินใจให้เป็นเช่นนี้นา
เราผู้เป็นพระเจ้าเนานิรันดร์ อยู่ที่นั่นแต่แรกเริ่มประเดิมหล้า
เรานี้เป็นพระเจ้าเหล่าประชา คุ้มรักษาอยู่ที่นั่นนิรันดร
ชาวเมืองไกลได้เห็นชัดถนัดซ้ำ ว่าเราทำอะไรลงไปก่อน
ต่างตกใจหวาดกลัวตัวสั่นคลอน จึงแรมรอนสัญจรมาพร้อมหน้ากัน
ช่างฝีมือมาเพิ่มหวังกำลังใจ พวกช่างไม้ยลช่างทองร้องชมลั่น
เขาพร่ำว่า “ทำดีแล้ว” แจ้วจำนรรจ์ ร่วมสังสรรค์สรรเสริญต่างเยินยอ
ผู้ตบแต่งรูปปั้นอันเรียบดี ให้แรงนี้ผู้ตอกแน่นแสนแข็งข้อ
คนชมว่า “บัดกรีแน่น” แม่นยำพอ รูปปั้นรอตะปูตรึงถึงที่วาง
แต่ชนชาวอิสราเอลซึ่งเป็นผู้ รับใช้อยู่กับเรานี้ไม่มีห่าง
เจ้าเป็นผู้เราเลือกไว้ไม่อำพราง เชื้อสายข้างอับราฮัมมิตรสัมพันธ์
เรานำเจ้าจากสุดท้ายปลายโลกา เรียกเจ้ามาจากชุมนุมมุมโลกนั่น
ว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้” ไท้ทรงธรรม เราเลือกสรรเจ้านี้มิทิ้งไป
อย่ากลัวเลยเราสถิตชิดปกป้อง เป็นพระเจ้าของเจ้านั้นอย่าหวั่นไหว
เราจะช่วยให้เจ้าแข็งแกรงเกินใคร จะป้องกันให้รอดตลอดมา
ผู้โกรธเคืองคนของเราคือเจ้านี้ จะทวีความอายต้องขายหน้า
ผู้รบสู้กับเจ้าผองต้องมรณา สิ้นชีวาวอดวายมลายลง
ผู้ที่ทำสงครามหยามดูหมิ่น จะสูญสิ้นจากโลกา ธ ประสงค์
เราจอมไท้เพิ่มพลังเข้มขลังคง แจ้งจำนง “อย่ากลัวด้วย เราช่วยทัน”
พระเจ้าตรัสว่า
“อิสราเอลเจ้าเป็นเด็กเล็กอ่อนแอ อย่ากลัวแพ้เราอำนวยด้วยคงมั่น
เราเป็นพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์อนันต์ ช่วยคุ้มกันอิสราเอลเป็นอย่างดี
กระดานนวดเราตั้งใจให้เจ้าเป็น และเปรียบเช่นคราดเถือคมเหลือที่
เจ้าจะนวดภูเขาใหญ่ใคร่ย่ำยี เป็นธุลีเขาเล็กน้อยพลอยแตกราน
เจ้าจะซัดมันไปในอากาศ ลมพัดสาดหอบลิ่วปลิวฟุ้งซ่าน
ฃเจ้าจะสุขไร้เศร้าเงียบเหงามาน เราโปรดปรานเป็นพระเจ้าเขาทั้งมวล
พวกเจ้าจะสรรเสริญเยินยอเรา นอบน้อมเฝ้าสักการบูชาถ้วน
เราเป็นพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ค่าควร ปกครองล้วนประชาอิสราเอล
คนของเราคอแห้งผากอยากดื่มน้ำ หิวเหลือล้ำพระองค์ทรงมองเห็น
พระเจ้าตอบคำทูลพร่ำที่ลำเค็ญ อิสราเอล ธ ไม่ทิ้งนิ่งดูดาย
ภูเขาแล้งเราทำน้ำให้ไหลผ่าน ตาน้ำซ่านในหุบนี้มีมากหลาย
ทะเลทรายกลายเป็นสระน้ำกระจาย น้ำพุสายไม่สิ้นแผ่นดินดอน
เราทำให้ต้นสีดาร์อคาเชีย ขึ้นคลอเคลียมะกอกป่ามาเก่าก่อน
อีกไม้หอมในดินแห้งแล้งร้าวรอน ป่าสนซ้อนหลายอย่างที่ต่างพันธุ์
คนทั้งหลายได้ทราบแน่แลรู้เห็น เราผู้เป็นพระเจ้าทำกิจกรรมนั้น
ได้เข้าใจไท้ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอลนั้น ทรงสร้างสรรค์ให้เป็นเช่นนี้นา
ธ ผู้เป็นกษัตราอิสราเอล ทรงตรัสเช่นนี้ไซร้ไท้พร่ำว่า
เทพทั้งมวลควรเสนอคดีมา เตรียมปรึกษาข้อโต้เถียงเลี้ยงให้ดี
มาทำนายกันเถิดเกิดอะไร ชี้แจงให้ศาลทราบการณ์นานก่อนกี้
เหตุเปลี่ยนไปอย่างไรเอ่ยเผยวจี เพื่อเรานี้ได้ซาบซึ้งเมื่อถึงครา
บอกเราถึงเหตุล่วงหน้าอนาคต จึงทราบหมดเทพคือท่านพลันเชื่อหน้า
ขอบันดาลสิ่งดีซ้ำหรือนำมา ซึ่งชั่วช้าพินาศให้ได้ขวัญบิน
ทกสิ่งที่ท่านทำไปไร้คุณค่า ผู้สักการท่านจริงจังน่าชังสิ้น
เราเลือกชนตะวันออกบอกให้ยิน จากแถวถิ่นเหนือเราเข้าโจมตี
เขาจะเหยียบย่ำผองผู้ครองเมือง ลงเพราะเคืองดุจเหยียบโคลโดนขยี้
เหมือนช่างปั้นหม้อไว้ใช้อย่างดี ต้องย่ำยีดินเหนียวเคล้าให้เข้ากัน
ไหนละที่ท่านบอกกล่าวเราล่วงหน้า ทำนายว่าการณ์จะเป็นเช่นนี้มั่น
เพื่อเรากล่าวท่านพูดแน่ถูกแท้ครัน มิเห็นท่านพูดเลยไม่มีใครยิน
เราจอมไท้เป็นคนแรกที่แจกข่าว ได้บอกกล่าวในศิโยนไกลโพ้นถิ่น
ส่งทูตบอกเยรูซาเล็มเต็มแผ่นดิน ชาวเมืองสิ้นกำลังลับกลับบ้านไป
เมื่อยามข้าเหลียวดูหมู่พระมวล สงบถ้วนพระไม่เผยเอ่ยคำไข
ไม่มีพระตอบซ้ำแม้คำใด เมื่อข้าได้ตั้งคำถามข้อความมา
พระทั้งมวลถ้วนไปไม่ได้ความ ทุกรูปนามทำสิ่งใดไม่ได้หนา
ทั้งรูปปั้นสรรไว้วิไลตา ไม่มีค่าไร้อำนาจขาดคุณธรรม
บทที่ 42 ผู้รับใช้ของพระเจ้า
พระเจ้าตรัสว่า
“นี่เป็นผู้รับใช้ไท้ให้พลัง เราสมหวังเลือกไว้พอใจยิ่ง
เราให้ท่านมีฤทธาแกร่งกล้าจริง ท่านนำสิ่งเที่ยงธรรมสู่หมู่ชาติมวล
ท่านจะไม่ตะโกนโพนทนา หรือปากกล้าส่งเสียงดังน่าชังถ้วน
หรือพูดคุยลั่นไปไม่สมควร เสียงรบกวนทั่วถนนหนทางจร
จะสุภาพซาบซึ้งสู่ผู้อ่อนแอ เมตตาแก่คนสิ้นหวังพลังอ่อน
ท่านนำความยุติธรรมซ้ำอาทร ทรงอาวรณ์มิสิ้นอยู่ทุกผู้คน
ท่านจะไม่สิ้นหวังทั้งหมดกล้า สถาปนาโลกเที่ยงธรรมบำเพ็ญผล
ดินแดนไกลกระหายหาพาร้อนรน ฟังยุบลท่านสอนสั่งยังเร้าใจ
พระองค์สร้างฟันพลันกางมันนี้ พระภูมีออกแบบครบภพโลกได้
และสัตว์มีชีพทั่วทุกตัวไป ธ จอมไท้บันดาลประทานมา
ทรงประทานชีวิตจิตชื่นชม ระบายลมปราณสู่ชนคนทั่วหล้า
ณ บัดนี้พระเจ้ากล่าววาจา ตรัสบัญชาผู้รับใช้ไท้ทรงธรรม
เราผู้เป็นจอมไท้ใคร่เรียกเจ้า และตัวเราให้อำนาจฉกาจมั่น
เพื่อให้โลกประเสริฐเลิศสำคัญ ด้วยสร้างสรรค์ยุติธรรมล้ำเที่ยงตรง
เราทำพันธสัญญามีค่าล้น กับปวงชนของเจ้าเฝ้าประสงค์
เราจะนำแสงสว่างกระจ่างคง ยั่งยืนสู่ชาติผองของเจ้ามวล
คนตาบอดเราเปิดให้ได้แลเห็น ปล่อยคนเร้นคุกมืดมีเสรีถ้วน
เราเป็นไท้ผู้เดียวแท้แน่สมควร ประเสริฐล้วนเป็นพระเจ้าเนานิรันดร์
ไร้พระใดมามีส่วนสมควรใน ความสดใสรุ่งโรจน์ผองของเรานั่น
รูปเคารพไม่ยอมให้ได้แบ่งปัน สำเนียงอันซ้องสรรเสริญเยินยอไป
บัดนี้เราทำนายไว้ได้เป็นจริง จะเล่าสิ่งใหม่ควรฟังหวังบอกให้
ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นเกิดกำเนิดใน จึงขานไขก่อนอุบัติแน่ชัดจริง”
บทเพลงสดุดี
จงร้องเพลงถวายไท้บทใหม่เอี่ยม ทั่วโลกเตรียมเพลงเพราะเสนาะยิ่ง
ร้องสรรเสริญสดุดีมิประวิง ไม่หยุดนิ่งเยินยอองค์ทรงศักดา
พวกแล่นเรือในทะเลเร่ร่อนไป จงพร้อมใจสรรเสริญองค์ทรงเลิศหล้า
สัตว์ทะเลจงซ้องร้องสักการ ชนทั่วหน้าแม้แดนไกลให้ร้องเพลง
ให้เมืองในทะเลทรายหมายสรรเสริญ เคดาร์เพลินเยินยอองค์ส่งเสียงเปล่ง
ผู้อยู่ในเมืองเส-ลาพาครื้นเครง ร้องบรรเลงจากยอดผาร่าเริงดี
ให้ผู้อยู่แดนไกลใฝ่สรรเสริญ และเทิดเทินเกียรติพระองค์ทรงศักดิ์ศรี
ทรงเสด็จไปรบสู้หมู่ไพรี ประดุจวีรบุรุษสุดทะนง
พระองค์พร้อมและกระหายหมายทำศึก ใครอย่านึกหาญสู้ผู้สูงส่ง
ทรงโห่ร้องสำแดงเดชวิเศษคง ทรงประสงค์ไล่ศัตรูหมู่คนพาล
พระเจ้าทรงสัญญาจะช่วยประการของพระองค์
พระเจ้าตรัสว่า
“เรานิ่งเฉยไม่ตอบชนคนของเรา บัดนี้เล่าถึงคราวทำย้ำหักหาญ
เราร้องเหมือนหญิงครางอย่างร้าวราน ทรมานที่จะคลอดทอดถอนใจ
ภูเขาใหญ่น้อยเราเฝ้าทำลาย ให้หญ้าตายต้นไม้แห้งแล้งหม่นไหม้
ลุ่มน้ำเห็นทะเลทรายกลับกลายไป สระน้ำให้แห้งผากอดอยากครัน
เรานำคนของเราเขาตาบอด ไปตลอด ถนนไม่เคยไปเลยนั่น
เปลี่ยนมืดมัวให้สว่างกระจ่างพลัน ชนบทอันขรุขระจะให้เตียน
เราจะทำสิ่งมวลทั่วถ้วนนี้ ทุกคนที่เชื่อรูปปั้นนั้นเหนือเศียร
ผู้วางใจรูปเคารพนบไหว้เวียน จะต้องเปลี่ยนเป็นต้อยต่ำซ้ำอับอาย”
อิสราเอลไม่ยอมเรียนรู้
พระเจ้าตรัสว่า
“คนหูหนวกฟังไว้ให้ตลอด คนตาบอดดูให้ดีบางทีหาย
ใครบอดกว่าผู้รับใช้ไท้เป็นนาย หนวกกว่าชายเดินทางนั้น ธ บัญชา
ปวงชนชาวอิสราเอลเห็นมามาก เจ้าไม่อยากเข้าใจหรือไรหนา
เจ้าก็มีฟูฟังดังวาจา ยังทำท่าไม่ยินแน่แท้หรือไร
พระองค์เป็นพระเจ้าเนาสถิต ธ ทรงคิดจะช่วยอำนวยให้
ประสงค์หมู่มวลชนควรสนใจ เทิดทูนในคำสอนสั่งฟังพระธรรม
แต่บัดนี้ประชาผองของพระเจ้า ถูกพวกเขาปล้นสะดมข่มกระหน่ำ
ถูกขังคุกมืดมนทนระกำ ทุกข์ซ้อนซ้ำไม่มีใครช่วยได้เลย
มีใครฟังบ้างไหมในวจี ฟังให้ดีแต่นี้หนาอย่ามัวเฉย
ใครเล่ามอบอิสราเอลเป็นเชลย มาสังเวยพวกปล้นทนทรมา
คือพระเจ้าใช่ไหมให้ข้องจิต ส่วนเราผิดชั่วต่อไท้ใฝ่บาปหนา
ไม่ดำเนินชีพนั้นตามบัญชา ไม่ศรัทธาคำสอนไท้ไม่ทำตาม
พระองค์ให้เรารู้ถึงซึ่งอำนาจ ความเกรี้ยวกราดของไท้ได้เกรงขาม
ต้องทนทุกข์ทรมานการสงคราม ที่ลุกลามทารุณจนวุ่นวาย
พระพิโรธโกรธขึ้งถึงบรรลัย ประดุจไฟเผาผลาญรานสลาย
ลุกลามไหม้อิสราเอลเห็นมากมาย เขาทั้งหลายไม่รู้เค้าไม่เข้าใจ”
บทที่ 43 พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะช่วยประชากรของพระองค์
อิสราเอลทั้งหลาย พระเจ้าผู้สร้างเจ้ามาตรัสว่า
“อย่ากลัวเลยเราจะป้องคุ้มครองเฝ้า เราเรียกเจ้าตามชื่อตัวรู้ทั่วหน้า
เจ้าเดินผ่านย่านน้ำลึกเหลือคณา เราเมตตาสถิตใกล้ได้คุ้มครอง
ความทุกข์ยากไม่ครอบงำประจำไว้ เมื่อลุยไฟไม่ลุกลามตามไหม้หมอง
การพิสูจน์ยุ่งยากมากเป็นกอง ถึงเจ้าผองจะไม่ทำร้ายครัน
เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้านี้ เราผู้มีอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์นั่น
ของชนชาติอิสราเอลเห็นสำคัญ เราป้องกันช่วยเจ้าบรรเทาลง
เราปล่อยมือจากอียิปต์รีบมาช่วย เอื้ออำนวยให้เสรีที่ประสงค์
เอธิโอเปีย เสลา เล่าเราจอนง ตั้งใจจงจะปล่อยไปให้พ้นมือ
เราละเลยชาติทั้งหลายหมายช่วยเหลือ เราทำเพื่อช่วยชีพเนาเจ้าคนซื่อ
สำหรับเราเจ้ามีค่าควรบันลือ เราเชื่อถือยกย่องนักรักเจ้าจริง
อย่ากลัวเลยเราสถิตอยู่ชิดใกล้ “จากทิศไกลตะวันออกนอกเหนือยิ่ง
ตะวันตกไกลนักหนาอย่าประวิง เราไม่ทิ้งจะนำหมู่สู่บ้านเดิม
เราจะบอกทางเหนือใต้ให้ปล่อยเขา อย่าคอยเฝ้ายึดไว้ให้ส่งเสริม
ให้ปวงชนทั่วหล้ามาเพิ่มเติม รวบรวมเริ่มกลับจากแดนที่แสนไกล
พวกเขาเป็นปวงประชาของพระเจ้า ทรงสร้างเขาขึ้นมาหวังว่าให้
เขาเทิดเกียรติแซ่ซ้องร้องอวยชัย บรมไท้สักการะสดุดี”
ชาวอิสราเอลเป็นพยานของพระเจ้า
พระเจ้าตรัสว่า
“จงให้ปวงประชามาชุมนุม เข้ารวมกลุ่ม ณ ศาลสถานที่
เขามีแต่บอดไปเหมือนไม่มี แม้หูนี้ก็หนวกไซร้ไม่ได้ยิน
ให้ชาติมวลถ้วนหน้ามาชุมนุม เข้ารวมกลุ่มสู้คดีนี้ทั่วถิ่น ๙
พระใดทายอนาคตกำหนดจินต์ เหตุทั้งสิ้นองค์ไหนเล่าเฝ้าทำนาย (ตรวจสอบ)
ให้พระมวลถ้วนหน้าพาพยาน มาจัดการพิสูจน์ตนจนสมหมาย
ว่าตนถูกถ่องแท้แน่มิคลาย ถ้อยคำทายพิสูจน์มาว่าเป็นจริง
อิสราเอลเจ้าจงเป็นพยานเรา เราเลือกเจ้าชาติรับใช้เราใหญ่ยิ่ง
เพื่อเจ้าจะรู้จักเราเข้าพึ่งพิง เชื่อฟังสิ่งเราสอนว่าวอนมา
และเข้าใจไท้สูงส่งองค์เดียวนี้ จะไม่มีพระอื่นใดยิ่งใหญ่กว่า
ไม่ว่าในอดีตกาลที่ผ่านมา หรืออนาคตใกล้มีไท้ครอง
เราผู้เดียวเป็นพระเจ้าเนานิรันดร์ เราเท่านั้นช่วยให้รอดปลอดภัยผอง
เราบอกก่อนเกิดอะไรเร่งไตร่ตรอง เราก็ต้องมาช่วยเจ้าเฝ้าคุ้มกัน
ไม่มีพระของชาติใดจะใยดี ทำดังนี้เทียมเท่าเหมือนเรานั่น
เจ้าจงเป็นพยานดีที่สำคัญ ให้เรานั้นได้แท้แน่นอนดี
เราพระเจ้าผู้สถิตนิจนิรันดร์ ใครหลบผันไม่พ้นหน้าอย่าหลีกหนี
ไม่มีใครเปลี่ยนเหตุการณ์งานที่มี ซึ่งเรานี้กอปรการกระทำมา
หนีไปพ้นกรุงบาบิโลน
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ของชาติอิสราเอลเป็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด ตรัสว่า
“เราส่งทัพมารบราบาบิโลน หมายล้างโค่นต่อสู้ช่วยกู้หน้า ๑๔
ประตูเมืองเราพังได้ในพริบตา ชาวพารานตะโกนก้องร้องคร่ำครวญ
เราพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์เด่น อิสราเอลเราสร้างเจ้าเนาครบถ้วน
เราเป็นจอมกษัตราเลิศค่าควร ของเจ้ามวลถ้วนหน้าประชาชน
นานมาแล้วพระเจ้าเฝ้าสร้างสรรพ ทะเลนั้นใหญ่กว้างวางถนน
เป็นทางเดินผ่านมาฝ่าน้ำวน ให้ผู้คนข้ามไปได้ทั่วกัน
ทรงนำทัพแร่งดีมีรถศึก คะนองคึกเทียมม้าพาไหวหวั่น
ให้พินาศย่อยยับดับไปพลัน เสมือนควันเปลวเทียนไขไฟมอดลง
แต่พระเจ้ารับสั่งว่าอย่าหลงใหล ยึดมั่นในการณ์ผ่านมาอย่าประสงค์
หรืออยู่กับความหลังฝังมั่นคง เฝ้าพะวงเหตุการณ์เมื่อนานมา
ดูสิ่งใหม่กิจกรรมเราทำเถิด เมื่อเหตุเกิดแล้วเจ้าเห็นเด่นชัดหนา
ทำถนนถิ่นกันดารผ่านมรรคา ธารน้ำบ่า ณ ที่นั้นพลันชุ่มเย็น
แม้แต่สัตว์ทั่วไปไม่เชื่องนัก ยังรู้จักยกย่องเราเจ้าก็เห็น
นกกระจอกเทศ หมาป่า หาได้เว้น ต่างโลดเต้นสรรเสริญเยินยอเรา
เมื่อเราให้แม่น้ำล้นหลามไหล ท่วมที่ในทะเลทรายทลายเข้า
เพื่อประชาทั่วกันได้บรรเทา ที่เราเฝ้าเลือกสรรอย่างมั่นใจ
เขาเป็นผู้ที่สร้างอย่างถ้วนทั่ว สำหรับตัวเราเองนั้นเราสรรได้
และเขาจะร้องเพลงบรรเลงไป ส่งเสียงใสสรรเสริญเราเฝ้าสักการ”
บาปของอิสราเอล
พระเจ้าตรัสว่า
“เจ้าไม่ได้นมัสการมานนอบนบ ไม่เคารพบูชาเราจ้องมองผ่าน
เจ้าเบื่อเราแล้วไซร้ไม่ทนทาน ละเลยมานมวลประชาอิสราเอล
เจ้าไม่นำแกะมาเฝ้าเผาถวาย เลิกมั่นหมายบูชาหาไม่เห็น
ไม่ยกย่องยอมทำไม่จำเป็น เจ้าหลบเร้นเครื่องบูชาหายหน้าไป
เราไม่ปองเครื่องบูชาคารวะ เพิ่มภาระเจ้ายุ่งยากไม่อยากได้
หรือทำให้เจ้าเหนื่อยเมื่อยกระไร ที่เราไซร้ขอเครื่องหอมต้องยอมทำ
เจ้าไม่ได้ซื้อเครื่องหอมย้อมอารมณ์ ชวนชื่นชมให้เราเอาอบร่ำ
หรือทำให้เจ้าเหนื่อยเมื่อยกระไร ที่เราไซร้ขอเครื่องหอมต้องยอมทำ
เจ้าไม่ได้ซื้อเครื่องหอมย้อมอารมณ์ ชวนชื่นชมให้เราเอาอบร่ำ
หรือทำให้เราพอใจที่ได้นำ สิ่งดีล้ำไขมันสัตว์มาจัดวาง
เจ้ากลับทำให้เรานี้มีภาระ เป็นพันธะด้วยบาปเจ้าเข้าขัดขวาง
เจ้าทำให้เราเหนื่อยหน่ายมิคลายจาง ที่เจ้าสร้างความผิดคิดชั่วจริง ๒๕
แต่กระนั้นเราพระเจ้าเฝ้าลบล้าง บาปหายจางจากเจ้าไปได้ทุกสิ่ง
ทำเช่นนี้เพราะเป็นไท้ใคร่ประวิง เมตตายิ่งความผิดใหญ่ไม่ถือเลย
ให้เรานำคดีที่เจ้าร้อง ว่าจะฟ้องในศาลขานเฉลย
เพื่อพิสูจน์ว่าถูกแท้แน่ดังเปรย ผิดไม่เคยก่อกรรมกระทำมา
บรรพบุรุษก่อนเก่าของเจ้านั้น เคยร่วมกันทำบาปที่หยาบหนา
ผู้นำเจ้าทำตัวสั่นพรั่นทุกครา ทำหยาบช้าต่อเราเจ้าไม่กลัว
ผู้ปกครอบประเทศไซร้ทำไม่ดี สถานที่พิสุทธิ์สิ้นมลทินชั่ว
อิสราเอลพินาศพังทั้งหมองมัว ชนเราทั่วถูกเหยียดหยามประณามครัน”
บทที่ 44 พระเจ้าเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว
(ข้อ 1-8)
พระเจ้าตรัสว่า
“ฟังให้ดีประชาอิสราเอล พวกเจ้าเป็นผู้รับใช้เราในหล้า
ผู้ที่เราเลือกไว้ให้ศรัทธา คือบรรดายาโคบพงศ์วงศ์วานเครือ
เราเป็นพระผู้สร้างล้วนมวลเจ้านี้ เมื่อเริ่มมีชีพเนาเราช่วยเหลือ
อย่ากลัวเลยเจ้ารับใช้ไท้จุนเจือ เลือกไว้เพื่อเพราะรักเจ้าจงเข้าใจ
เราจะให้แดนดินถิ่นแห้งล้ำ กลับมีน้ำชุ่มชื่นเต็มพื้นได้
ทะเลทรายร้านรอนร้อนกระไร เราทำให้มีธารน้ำฉ่ำกระเซ็น
เราจะเทอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธ์กล้า ทรงเดชาของเราไว้ให้แลเห็น
ให้ลูกหลานใช้ฤทธาคราจำเป็น จงอยู่เย็นเป็นสุขด้วยเราอวยพร
เขาเจริญงอกงามตามประสา เหมือนต้นหญ้าได้น้ำรดสดเขียวอ่อน
เหมือนต้นสนหล่นปลิวพลิ้วลมรอน แลสลอนริมธารใสน้ำไหลริน
ผู้คนพากันกล่าวซ้ำพร่ำทุกหน เราเป็นคนของพระเจ้าอย่าเฝ้าหมิ่น
เขาชุมนุมพร้อมหน้าเป็นอาจิณ ร่วมกันสิ้นกับประชาอิสราเอล
ทุกคนเขียนพระนามไท้ไว้ที่แขน เสมือนแม้นเครื่องหมายป้ายให้เห็น
และเรียกตนเป็นประจำถ้อยบำเพ็ญ ว่าตัวเป็นคนขององค์พระทรงชัย
พระเจ้าผู้ครองอาณาประชาราษฎร์ ปกป้องชาติอิสราเอลเป็นสุขใส
พระเจ้าทรงฤทธากล้าเกรียงไกร จะตรัสไว้เผยวจีดังนี้ครัน
เราเป็นพระเจ้าเดียวแน่แต่แรกเริ่ม เราประเดิมจนบั้นปลายสุดท้ายนั่น
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดใหญ่สำคัญ เท่าเรานั้นแน่ไซร้ไม่เทียบเทียม
มีใครบ้างที่ทำไปได้เหมือนเรา และใครเล่าทำนายแม่นแสนยอดเยี่ยม
ทายทุกสิ่งที่เกิดได้ไม่ต้องเตรียม รู้เต็มเปี่ยมแต่เริ่มต้นจนสุดปลาย
ประชากรของเรานั้นอย่าหวั่นกลัว เจ้ารู้ทั่วแต่ก่อนกาลมานานหลาย
จนกระทั่งบัดนี้มิรู้คลาย แจ้งความหมายสิ่งเกิดมาล่วงหน้าเลย
เจ้าก็เป็นพยานได้ในเรื่องนี้ พระอื่นมีอีกไหมเล่าเจ้าจงเผย
มีพระทรงอำนาจไหมเราไม่เคย ได้ยินเปรยถึงเรื่องเรืองเดชา
พระเจ้าพระผู้สร้างและเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
พระเจ้าตรัสว่า ๒๑
“อิสราเอลจำไว้ใส่ใจอยู่ เจ้าเป็นผู้รับใช้เราเฝ้าเลือกสรร
เราสร้างเจ้ามารับใช้ใฝ่สัมพันธ์ เราจำมั่นสนใจไม่ลืมเลือน
เรากวาดบาปเจ้าที่มีทับถม ประดุจลมหอบเมฆคล้อยลิ่วลอยเกลื่อน
เราเรียกเจ้ากลับมาย่าแชเชือน เราเป็นเพื่อนช่วยให้รอดตลอดมา
ชาวสวรรค์ทั้งมวลล้วนโห่ร้อง ตะโกนก้องประชันสุดหรรษา
ที่ลึกใต้ในพิภพหลบโลกา เปล่งเสียงร่าเริงร้องซ้องเปรมปรีดิ์
มวลภูเขาและต้นไม้ในป่าดง ทุกต้นจงโห่ร้องก้องอึงมี่
พระเจ้าช่วยอิสราเอลเป็นอย่างดี พระองค์มีความยิ่งใหญ่ได้สำแดง
เราเป็นพระผู้สร้างเจ้าเราจะช่วย เอื้ออำนวยให้รอดตนพ้นทุกแห่ง
เราพระเจ้าของเจ้าเฝ้าชี้แจง ทั่วหล้าแหล่งเราสร้างไว้ในสิ่งปวง
เราผู้เดียวเท่านี้ที่กางฟ้า สวรรค์จ้าเปิดม่านผ่านแดนสรวง
เมื่อเราสร้างโลกไว้ไม่หลอกลวง ไร้คนห่วงคอยเอื้อช่วยเหลือกัน
เราทำให้หมอทำนายกลายโง่เขลา หัวเสียเปล่าโหราศาสตร์มิคาดฝัน
เราลบล้างถ้อยนักปราชญ์เด็ดขาดพลัน ฉลาดนั้นชนเห็นเป็นโง่จริง
แต่เมื่อผู้รับใช้เราเฝ้าทำนาย ส่งทูตหมายเผยแผนการงานใหญ่ยิ่ง
เราให้เป็นตามแผนนี้ที่อ้างอิง ถ้วนทุกสิ่งทั้งคำทายทำนายมวล
เราบอกกรุงเยรูซาเล็มอย่างเต็มใจ ชาวเมืองได้กลับทีเก่าเนาครบถ้วน
เมืองยูดาห์เสริมใหม่ให้สมควร จากซากล้วนแหลกสิ้นต้องภินท์พัง
เราร้องนั่งมหาสมุทรหยุดหลั่งไหล ก็แห้งไปหายวับตามรับสั่ง
เรากล่าวแก่ ไซรส ถ้วนเจ้าควรฟัง เจ้ามีหวังเราตั้งใจให้ขึ้นครอง
เจ้าจะต้องทำตามความประสงค์ ดั่งจำนงเราหวังทั่วทั้งผอง
เจ้าสั่งสร้างเยรูซาเล็มเต็มจิตปอง ให้ชวนมองขึ้นใหม่วิไลตา
บทที่ 45 พระเจ้าทรงแต่งตั้งไซรัส
ไซรัสเป็นกษัตราทรงเลือกสรร ทรงตั้งท่านพิชิตยังชาติทั้งหลาย
โปรดให้ถอดปวงกษัตริย์ขจัดนาย ทั่วทุกรายอำนาจสิทธิ์ให้ริดรอน
ธ ทรงเปิดประตูเมืองรุ่งเรืองครัน รอรับท่านเข้าไปข้างในก่อน
พระเจ้ามีพระดำรัสชัดแน่นอน เอ่ยสุนทรแก่ไซรัสตรัสบัญชา
เราจะเตรียมทางไว้ให้แก่เจ้า ปราบภูเขาน้อยใหญ่ในแหล่งหล้า
พังประตูทองเหลืองเปลื้องลงมา กรงเหล็กหนาตัดสองท่อนเป็นตอนไป
จากสถานที่ลึกล้ำดำมืดมิด ตัวเราคิดมอบสมบัติจัดการให้
เจ้าจะรู้เราพระเจ้าเฝ้าห่วงใย เราจอมไท้อิสราเอลเลือกเฟ้นครัน
เราตั้งเจ้าช่วยประชาอิสราเอล ซึ่งเคยเป็นผู้รับใช้ในเรานั่น
เราเลือกไว้ให้เกียรติยิ่งสิ่งสำคัญ ทั้งเจ้านั้นไม่รู้จักมิทักเลย
เราเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ไร้พระอื่น เราหยิบยื่นให้พลังดังเฉลย
ตามที่เจ้าต้องการมาชื่นเชย ทั้งเจ้าเฉยไม่ตระหนักรู้จักเรา
เราทำไปเพื่อให้ชนคนทั่วหล้า ซึ้งศรัทธาได้รู้เห็นเป็นพระเจ้า
และรู้ว่าไร้พระอื่นยั่งยืนเนา หาใดเท่าเทียมทันนั้นไม่มี
นำทั้งพร พินาศให้ไว้พอดี ทุกสิ่งนี้เราจอมไท้ได้กอปรทำ
เราให้ชัยชนะจากฟากฟ้าบน เสมือนฝนพื้นดินรองไหลนองฉ่ำ
ผลิตดอกเป็นเสรีภาพซาบซึ้งจำ ยุติธรรม สิ่งมวลนั้น ธ บันดาล”
พระเจ้าผู้เนรมิตร
“หม้อดินหรือจะอวดกล้ามาขึ้นเสียง กล่าวโต้เถียงช่างปั้นหม้อร้องต่อต้าน
หรือดินเหนียวซักช่างปั้นนั้นเกินการ ถามเป็นพาลย้อนย้ำเขาทำใด
หม้อดินจะตำหนิติฝีมือ ช่างปั้นหรือบ่นว่ากล้าไฉน
ใครบังอาจถามแม่พ่อต่อว่าไป “ว่าทำไมให้ลูกเกิดกำเนิดมา
พระเจ้าองค์ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล กำหนดเน้นอนาคตเผยพจน์ว่า
เจ้าไร้สิทธิ์ถามเรื่องบุตรหยุดพรรณนา อย่าเจรจา “เราควรทำการใดดี”
เราเป็นผู้สร้างพิภพจบโลกกว้าง มนุษย์ต่างได้อาศัยอยู่ในที่
เรากางฟ้าประกาศิตด้วยฤทธี อาทิตย์มี ดาว จันทร์ เล่าเราคุมครัน
เราเป็นผู้เร้าใจให้ไซรัส ปฏิบัติตามประสงค์จำนงมั่น
เราทำสิ่งถูกต้องสอดคล้องกัน ทำทางนั้นที่ท่านใช้ทุกสายตรง
เยรูซาเล็มท่านสร้างใหม่ให้ใสสด เชลยปลดเป็นอิสระ ธ ประสงค์
ไม่มีใครจ้างท่านอย่างมั่นคง หรือจำนงติดสินบนดลให้ทำ”
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพตรัสดังนี้แหละ
พระเจ้าตรัสแก่อิสราเอลว่า
“ทรัพย์สมบัติในอียิปต์ริบมาเสีย เอธิโอเปียเป็นของเจ้าเราบอกพร่ำ
ชาวเสบาร่างสูงเด่นเป็นทาสกรรม ล่ามประจำโซ่คล้องต้องเดินตาม
แล้วกราบไหว้สารภาพรับบาปหนา บอกเจ้าว่า ธ อยู่ใกล้ให้เกรงขาม
ทรงสถิตชิดตัวทั่วทุกยาม เชื่อพระนามพระเจ้าแท้แต่ผู้เดียว
พระเจ้าของอิสราเอลเป็นผู้ช่วย เอื้ออำนวยปวงประชาทรงข้องเกี่ยว
โปรดให้รอดตลอดแน่แท้จริงเชียว ทรงหลบเลี้ยงซ่อนพระองค์ทรงกำบัง
เทวรูปที่ชนมวลล้วนสรรสร้าง พวกเขาต่างละอายใจไม่อยากตั้ง
ชนทั้งปวงหลบเมินเขินจริงจัง ต้องแอบบังขายหน้าไม่กล้าดู
แต่ทรงช่วยอิสราเอลเห็นความรอด ชนะตลอดยืนนานชั่วกาลอยู่
ประชากรของพระเจ้าเฝ้าชื่นชู ถ้วนทุกผู้จะไม่อายขายหน้าชน
พระเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์แสนบรรเจิด พระผู้เลิศองค์เดียวแท้แน่ทุกหน
สร้างแผ่นดินโลกหล้าทั่วสากล ให้คงทนยั่งยืนนานชื่นนิรันดร์
ทะเลทราบไม่ทรงสร้างให้ว่างเปล่า มีแหล่งเนาคนอาศัยถมไปนั่น
ตรัสว่า “เรา พระเจ้าจริงยิ่งใหญ่ครัน เราเท่านั้นพระอื่นใดไม่มีเลย”
เราไม่ได้แอบพูดจาท่าปกปิด ลับมิดชิดสนิทไว้ไม่เปิดเผย
หรือซุ่มซ่อนจุดประสงค์จำนงเคย ทำนิ่งเฉยเงียบสงบจบวจี
อิสราเอลเรามิให้ใฝ่ค้นหา ตามมรรคาอลหม่านพล่านอึงมี่
เราพระเจ้าพูดความจริงล้วนยิ่งดี แจ้งสิ่งที่ถูกต้องไซร้ให้ทราบมวล
พระเจ้าและเทวรูปเมืองบาบิโลน
พระเจ้าตรัสว่า
“ชนชาติปวงจงมาพร้อมหน้ากัน รอดชีวันทุกผู้อยู่ครบถ้วน ๒๐
จากอาณาจักรถล่มล้นเรรวน เตรียมตัวด่วนสู้คดีที่มีมา
เทวรูปทำด้วยไม้ไม่ได้ความ คนเดินตามขบวนแห่แลบากหน้า
วอนพระที่ช่วยไม่ได้ไร้ศักดา เหล่าประชาที่ไม่รู้สิ่งใดจริง
มาเถอะเจ้าเสนอคดีที่ในศาล จำเลยขานปรึกษากันพัวพันยิ่ง
ใครเล่าแจ้งล่วงหน้ามาอ้างอิง ทำนายสิ่งอดีตกาลเกิดอันใด
ไม่ใช่เราดอกหรือคือพระเจ้า ผู้ช่วยเหล่าประชามาแต่ไหน
ไม่มีพระอื่นนะเจ้าจงเข้าใจ เราจอมไท้เป็นพระเจ้าเนานิรันดร์
ชาวโลกทั้งมวลทั่วถ้วนหน้า กลับมาหาเราเถิดเกิดสุขสันต์
แล้วเจ้าจะรอดได้ในชีวัน เราเท่านั้นผู้เดียวไซร้ไท้เดชา
ถ้อยคำเราจริงไซร้ไม่เปลี่ยนแปร สัญญาแน่ด้วยเกียรติเราจึงกล่าวว่า
ชนคุกเข่าปฏิญาณขานวาจา ณ เบื้องหน้าว่าจงรักและภักดี
เขากล่าวว่ามีพลังทั้งมีชัย เพราะเราไซร้ผู้เดียวแท้แน่เหลือที่
แต่ทุกคนที่ชังเราเท่าชีวี คนเหล่านี้ต้องอับอายขายหน้าตา
เราผู้เป็นพระเจ้าเราจะช่วย เอื้ออำนวยพิทักษ์โปรดรักษา
เหล่าลูกหลานยาโคบไซร้ไท้เมตตา พวกเขาพากันแซ่ซ้องร้องเยินยอ
บทที่ 46
นี่แหละเป็นในที่สุดท้ายปลายวาระ ของพวกพระบาบิโลนโดนปรามปราบ
ชาวเมืองไหว้ พระเนโบ ศิโรราบ และก้มกราบ พระเบล เป็นนิจมา
แต่บัดนี้กลับผันบรรทุกไป เอาวางไว้หลังลาแอ่นแน่นนักหนา
เป็นภาระเกินเลี่ยงสัตว์เลี้ยงมา แสนเหนื่อยล้าหนักจริงยิ่งอ่อนแรง
นี่เป็นวาระสุดท้ายปลายทางพระ หมดวาระพระมวลล้วนหน้าแห้ง
เทวรูปช่วยมิได้ไม่สำแดง เขาจัดแจง ขน ริบ หยิบเอาไป
ลูกหลานของยาโคบไซร้ฟังให้ดี ปวงชนที่เหลือล้วนเป็นส่วนใหญ่
เราปรานีพวกเจ้าเฝ้าใส่ใจ คุ้มครองไว้ตั้งแต่เกิดกำเนิดตน
เราเป็นพระเจ้าของเจ้าเฝ้าดูแล กระทั่งแก่กายเฒ่าผมขาวหม่น
เราสร้างเจ้าเฝ้าพิทักษ์รักทุกคน ช่วยเหลือจนพ้นผ่านอันตราย
ธ ตรัสว่า “เจ้ายกย่องปองผู้ใด ขึ้นมาไว้เท่าเทียมเตรียมมั่นหมาย” ๕
“หรือมีใครเหมือนเราเอามากมาย” จงคลี่คลายแถลงให้แจ้งใจ
เขาเททองจากกระเป๋าเอาออกมา ชั่งเงินตราบนตาชั่งหวังมอบให้
จ้างช่างทองมาหล่อพระจะทำไว้ เพื่อกราบไหว้นมัสการบนบานกัน
แบกขึ้นบ่าเอาไปตั้งไว้เลย รูปปั้นเฉยเคลื่อนไม่ได้ตั้งไว้มั่น
ถ้ามีผู้วอนขอต่อรูปนั้น แต่รูปปั้นช่วยไม่ได้พูดไม่เป็น
“เจ้าคนบาปจำข้อนี้พิจารณา เรานั้นหนาทำใดมิใช่เล่น
ทวนเหตุการณ์นานมาทุกประเด็น เจ้ารู้เห็นหาใครเท่าเรานั้นไม่มี
เราบอกเจ้าล่วงหน้ามาเนิ่นนาน ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรต่อไปนี่
แผนการเราไม่ล้มจมสิ้นดี ทำตามที่เราตั้งใจไว้แน่นอน
ตะวันออกเราเรียกชนคนหนึ่งมา โฉบถลาลงเหมือนเหยี่ยวบินเฉี่ยวร่อน
แล้วทำตามแผนเราไซร้ไปทุกตอน เราว่าวอนไว้ดังนั้นพลันเป็นไป
ฟังเราไว้ให้ดีมีเหตุผล เถิดเจ้าคนหัวดื้อถือตนใหญ่
เจ้าคิดว่าชัยชนะจะอยู่ไกล สุดเอื้อมไซร้เกินคว้าเอามาครอง
เรานำความมีชัยมาใกล้เจ้า และตัวเราไม่ช้าใยใฝ่สนอง
จะช่วยกรุงเยรูซาเล็มเต็มใจปอง นำเกียรติผองสู่ประชาอิสราเอล”
บทที่ 47 ลงโทษกรุงบาบิโลน
พระเจ้ารับสั่งว่า
“บาบิโลนลุกพลันจากบัลลังก์ ลงมานั่งคลุกคลีธุลีผง
เคยเป็นสาวพรหมจารรีที่ทะนง เมืองมั่นคงไร้คนคิดพิชิตมา
แต่เจ้าไม่เป็นคนอ่อนโยนแน่ บอบบางแท้อีกต่อไปเท่าไรหนา
บัดนี้เจ้าต้อยต่ำจำไว้นา ต้องตกมาเป็นทาสอนาถใจ
โม่แป้งเถิดเปิดผ้าคลุมหน้าพลัน เสื้อผ้าอันดีตลอดถอดอย่าใส่
เขาได้เห็นเจ้าเจียมตัวกันทั่วไป ละอายในความผิดที่ติดตัว
จงเปลือยร่างไร้ผ้าน่าอนาถ เหมือนหญิงทาสรับใช้นายเหนือหัว
เราทำการแก้แค้นแสนน่ากลัว ทุกคนทั่วห้ามเราไว้ไม่ได้ครัน
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล ปล่อยเราเป็นอิสระพันธะมั่น
พระองค์ทรงพระนามไท้ใหญ่อนันต์ ฤทธิ์มหันต์เลิศหล้ากล้าเกรียงไกร
พระเจ้าตรัสแก่กรุงบาบิโลนว่า ๕
“จงนั่งนิ่งสงบเงียบเรียบสนิท ที่มิดชิดมืดหมดไม่สดใส
ชนไม่เรียกราชินีอย่าดีใจ ไม่เป็นใหญ่มีอำนาจเหนือชาติมวล
เราโกรธาประชาชนคนของเรา ตัดขาดเขาด้วยโทษะละทิ้งด่วน
ไม่ถือเขาเป็นส่วนใดในจำนวน ปวงชนถ้วนของเราไซร้ไม่ต้องการ
เราให้เขาตกอยู่ในใต้อำนาจ อย่างเด็ดขาดของเจ้าเฝ้าหักหาญ
และเจ้าไม่เมตตาหาเรื่องพาล ทรมานผู้เฒ่าเก่าชรา
เจ้าคิดว่าเจ้านั้นพลันได้เป็น ยอดหญิงเด่นราชินีที่เลิศหล้า
เจ้าไม่ยอมเข้าใจสิ่งใดนา แล้วคิดว่าเหตุการณ์ต่างสิ้นอย่างไร
ฟังให้ดีเจ้าคนมักรักสนุก คิดว่าสุขภัยผ่านไม่รานใกล้
เจ้าอวดอ้างคุยโวโอ่ตนไป ว่ายิ่งใหญ่เท่าพระเจ้าเนานิรันดร์
ไม่มีชนผู้ใดใครเหมือนเจ้า มาเทียมเท่ารวมแถวอีกแล้วนั่น
คิดว่าเจ้าไม่เป็นหม้ายตายจากกัน หรือลูกนั้นสูญสิ้นชีวินวาย
สิ่งเหล่านั้นกลับสนองต้องเจ้าได้ วันเดียวไซร้ทันทีที่ไม่หนีหน่าย
วิทยาคมมวลมาใช้ไม่ผ่อนคลาย ต้องเป็นหม้ายเสียลูกซ้ำนองน้ำตา
“เจ้าแน่ใจเรื่องความชั่วในตัวยิ่ง คิดทุกสิ่งไร้คนเห็นเด่นชัดหนา
ความรู้ พาหลงครันเพราะปัญญา เจ้าเพ้อว่า “ฉันเป็นไท้ ใครใหญ่เกิน”
ความพินาศตกถึงเจ้าเข้าประดัง เวทมนตร์ขลังห้ามไม่ได้ให้ขัดเขิน
ความพินาศถึงตัวพลันเหมือนอัญเชิญ เจ้าเผอิญไม่คิดฝันไม่ทันตรอง
“จงเก็บเวทมนตร์คาถาอาคมขลัง ประดุจดังเจ้าเคยใช้ไว้แคล่วคล่อง
บางทีมันคงช่วยได้สมใจปอง อาจทดลองให้ศัตรูรู้สึกกลัว
เจ้าไม่มีอำนาจฉกาจไกล ทั้งที่ได้รับคำแนะนำทั่ว
ให้ชวนที่ปรึกษามาช่วยตัว โหรพันพัวร่วมปนกับชนปวง
โหรเหล่านี้ศึกษาปวงดวงดารา แบ่งท้องฟ้าขีดคั่นกั้นแดนสรวง
บอกให้รู้เดือนหนึ่งนึกระทึกทรวง เหตุการณ์ล่วงเกิดใดแน่แก่เจ้าครัน
“พวกของเขาจะเป็นเช่นเศษฟาง ถูกไฟย่างเผาผลาญรานไปนั่น
ช่วยตัวเองไม่ได้ไฟร้อนพลัน ไม่ใช่ควันพอผิงอุ่นกรุ่นสบาย
คำแนะนำของโหรนี้ที่เจ้าถาม ปรึกษาความตลอดมากว่าสลาย
เขานำมาแล้วทิ้งเจ้าเขาแยกย้าย ต้องเหลียวหายไม่เหลือใครไว้ช่วยเลย”
บทที่ 48 พระเจ้าเป็นพระจ้าของอนาคตกาล
ฟังไว้นะประชาอิสราเอล พวกเจ้าเป็นวงศ์ยูดาห์มานานหลาย
เจ้าสบถสาบานขานมากมาย พาดพิงหมาย ในพระนามหยามพระองค์
แล้วอ้างว่านมัสการผ่านพระเจ้า ของชนเผ่าอิสราเอลเน้นประสงค์
เจ้าพูดพล่ามเพ้อไปไร้มั่นคง พูดไม่ตรงกล่าวถ้อยพล่อยเกินไป
ถึงกระนั้นเจ้ายังหยิ่งยิ่งนักหนา อวดดีกว่าจะกล่าวย้ำรับคำได้
ว่าเจ้าเป็นปวงชนพลเมืองใน นครใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธิ์ครัน
และพูดว่าพึ่งพระเจ้าเฝ้ามิขาด ของชนชาติอิสราเอลเป็นแม่นมั่น
ทรงพระนามพระเจ้าเนานิรันดร์ ทรงฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ในโลกา
พระเจ้าตรัสแก่ชาติอินราเอลว่า
“นานมาแล้วเราทายทำนายไว้ เกิดอะไรขึ้นเช่นนี้ที่ใต้หล้า
แล้เราก็บันดาลมันเกิดมา เร็วนักหนาฉับพลันในทันใด
เรารู้ว่าเจ้าดื้อถือดียิ่ง หัวแข็งจริงแกร่งสุดดุจเหล็กไหล
เจ้าไม่ยอมถ่อมกมลจำนนใคร เหมือนทองใสสัมฤทธิ์ไม่คิดปน
อนาคตของเจ้าเราเคยทาย ได้ทำนายเมื่อนานแท้ตั้งแต่ต้น
เราประกาศเหตุการณ์ผ่านปวงชน ก่อนที่ผลจะเกิดไซร้ได้สำแดง
เพื่อว่าเจ้าจะเอ่ยอ้างทุกอย่างไป พูดไม่ได้เต็มปากคำพร่ำแถลง
ว่าเทวรูปพระโลหะจะจัดแจง งานทั่วแห่งทุกอย่างไซร้ได้กอปรทำ
“ทุกอย่างเป็นตามทำนายที่ทายทัก เจ้าตระหนักรับว่าจริงยิ่งดังพร่ำ
เราจะบอกสิ่งเกิดใหม่ใคร่เผยคำ ไม่เคยนำมาเปิดเผยเลยสักครา
เราบันดาลให้เกิดได้ในบัดนี้ ไม่เคยมีปรากฏไซร้ในแหล่งหล้า
ถ้าแม้นเกิดขึ้นก่อนกาลเมื่อนานมา จะอ้างว่าเจ้ารู้แล้วแน่วแน่ครัน
เรารู้ว่าเจ้าน่าเบื่อเชื่อไม่ได้ รู้ทั่วไปเป็นกบฏคิดคดนั่น
ตั้งแต่เกิดทรยศหมดด้วยกัน เหตุเหตุนั้นเรื่องนี้เจ้ามิยิน
“เพื่อหวังให้ชนทั้งนั้นพลันยกย่อง พระนามของเราไว้ในทั่วถิ่น
จึงระงับดับพิโรธโกรธอาจิณ ยกโทษสิ้นไม่ทำลายหายโกรธเคือง
เราใช้ความทรมานเป็นการลอง ทดสอบของตัวเจ้าไซร้ไม่รู้เรื่อง
เช่นเงินต้องถลุงในไฟเมลือง พบเหตุเนื่องจากเจ้าไซร้ไร้ค่ามวล
เราทำไปเพื่อนามเราเฝ้ารักษา ใครอย่ามาหลู่เกียรติไท้ไม่ยอมถ้วน
ไม่ยอมให้ใครได้รับกลับแปรปรวน เกียรติซึ่งควรคู่เราแท้แต่ผู้เดียว”
ไซรัสผู้นำที่พระเจ้าทรงเลือก
อิสราเอลชนเหล่าพระเจ้าเรียก จงสำเหนียกให้ดีที่ยึดเหนี่ยว
เราพระเจ้าผู้เดียวแท้แน่จริงเชียว ได้ข้องเกี่ยวแต่เริ่มต้นจนสุดนี้
รากฐานโลกมือเรานี้ที่สร้างสรรค์ ทั้งสวรรค์ฟ้ากว้างเรากางคลี่
เมื่อเราเรียกพิภพฟ้ามาทันที ไม่รอรีรีบมาหาเราพลัน
“จงฟังไว้ไม่มี ธ จะทำนาย กล่าวถึงชายที่เราเฝ้าเลือกสรร ๑๔ (ตรวจสอบ)
จะโจมตีบาบิโลนโค่นลงครัน เขาทำนั้นตามสนองเราต้องการ
เราเป็นผู้เผยพร่ำย้ำวาจา เรียกเขามาอย่าเฉยละเลยผ่าน
เรานำเขาออกไปไม่ช้านาน และประทานความสำเร็จเสร็จสมปอง
“เข้ามาใกล้ฟังเถิดหนาเราว่าใด เขาขานไขอย่างเปิดเผยเลยทั้งผอง
พูดกับเจ้าแต่แรกไซร้จงไตร่ตรอง ถ้อยคำของเรากล่าวไว้ได้เป็นจริง
(บัดนี้พระเจ้าทรงประทานฤทธานุภาพของพระองค์แก่ข้าพเจ้า และใช้ข้าพเจ้าไป)
พระเจ้าทรงมีแผนงานให้คนของพระองค์
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ฉกาจ ของชนชาติอิสราเอลเป็นใหญ่ยิ่ง ๑๗
ทรงช่วยเจ้าให้มีที่พักพิง ตรัสอ้างอิงเราพระเจ้าของเจ้าครัน
เป็นผู้ที่ปรารถนาจะทดสอบ เพื่อทรงมอบประโยชน์ให้เจ้าไว้มั่น
ทรงนำเจ้าก้าวย่างทางสำคัญ ที่เจ้านั้นควรครรไลไปด้วยดี
ถ้าแม้นเจ้าเชื่อฟังคำสั่งสอน บรรดาพรหลั่งไหลให้สุขศรี
เหมือนธารน้ำท่วมท้นล้นวารี จักไม่มีวันแห้งแล้งวอดวาย
เจ้าจะมีชัยชนะประดุจคลื่น ม้วนตัวกลืนฝั่งสาดไม่ขาดสาย
ลูกหลานมีมากสุดดุจเม็ดทราย ไม่ทำลายเจ้าแล้วหนอขอยืนยัน
จากบาบิโลนจงออกไปได้เสรี ด้วยยินดีแจ้งข่าวป่าวร้องลั่น
“พระเจ้าช่วยอิสราเอลไม่เว้นครัน เขาเหล่านั้นรับใช้ไท้เดชา”
เมื่อพระเจ้านำประชาพาพ้นผ่าน ถิ่นกันดารทะเลทรายหมายมุ่งหน้า
ร้าวระอุแห่งร้อนอ่อนระอา ไม่เหนื่อยล้ากระหายน้ำซ้ำต่อไป
โปรดให้น้ำหลั่งจากหินรินเพื่อเขา ผ่าหินเข้าแยกป่นน้ำล้นไหล
ทรงตรัสว่า
“ไม่มีที่ปลอดภัย
สำหรับให้คนบาปหยาบสามานย์”
บทที่ 49 อิสราเอลเป็นแสงส่องแก่ชาติต่าง ๆ
ชาติที่อยู่ห่างไกลฟังให้ดี ก่อนข้านี้เกิดไซร้ไท้เลือกสรร
ทรงแต่งตั้งข้าให้รับใช้ครัน ต่อทรงธรรมยิ่งใหญ่ในโลกา
ทรงโปรดให้คำคมคล้ายละม้ายดาบ พระหัตถ์ทาบบนข้าไว้ไท้รักษา
เตรียมข้าดุจลับธนูสู้ปัจจา แหลมคมกล้าพร้อมอยู่ด้วยรู้ตัว
ทรงรับสั่งแก่ข้า “อิสราเอลเอ๋ย” เจ้านี้เคยรับใช้เราเฝ้าดูทั่ว
คนทั้งปวงสรรเสริญเราเขาไม่กลัว เลิกทำชั่วก็เพราะเจ้าเข้าแนะนำ
ข้าทูลว่า ข้าทำงานการไร้ผล ข้าทุ่มตนเทแรงแข็งกระหน่ำ
ไม่ประสบผลดีที่กิจกรรม ทุกสิ่งทำไม่สำเร็จเสร็จดังปอง
ถึงอย่างไรข้าก็ได้วางใจ ธ ไม่เลิกละทรงจัดให้ในสิ่งผอง
พระองค์ปูนบำเหน็จพลันรางวัลกอง ให้เป็นของข้าพระองค์ทรงจัดการ
ทรงแต่งตั้งข้าก่อนเกิดกำเนิดกาย ทรงมุ่งหมายให้ข้านี้กล้าหาญ
เป็นผู้นำอิสราเอลเร้นซมซาน อลหม่านกระจัดกระจายกลายกลับมา
พระเจ้าทรงประทานให้ได้เกียรติยศ เกริกปรากฏทั่วไปให้แก่ข้า
ทรงประทานพลังทั้งกายา ให้แก่ข้ากล้าแกร่งเข้มแข็งครัน
พระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า
“ผู้รับใช้เรานี้มีงานใหญ่ คิดจะให้เจ้าทำประจำมั่น
อิสราเอลที่รอดตายมากมายนั้น จะกลับผันยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม
เราจะตั้งเจ้าเป็นเช่นแสงส่อง ให้ชนผองชาติต่างต่างกระจ่างเสริม
เพื่อพลโลกอยู่ได้ใฝ่จุนเจิม รอดตายเพิ่มมากมีชุบชีวิน”
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เลศล้น ผู้ช่วยชนอินราเอลไม่เว้นสิ้น
ตรัสแก่ผู้รับใช้ผองครองอาจิณ ที่ถูกหมิ่นประมาทจากชาติมวล
ทรงตรัสว่า “กษัตริย์ล้วนควรได้เห็น พวกเจ้าเป็นอิสระเลิกละถ้วน
จะลุกขึ้นยืนเคารพนบตามควร เจ้านายล้วนเห็นยกย่องต้องกราบกราน”
เป็นดังนี้เพราะพระองค์ทรงศักดิ์สิทธิ์ พระทรงฤทธิ์อิสราเอล เด่น ดังขาน
ทรงเลือกผู้รับใช้ให้ทำงาน และจัดการรักษาสัญญาไท้
บูรณะกรุงเยรูซาเล็ม
พระเจ้ารับสั่งแก่ประชากรของพระองค์ว่า ๘
“เมื่อถึงคราเราช่วยเจ้าเฝ้าโปรดปราน จะประทานความช่วยเหลือเอื้อประสงค์
ร้องให้ช่วยจะตอบพลันอย่างมั่นคง เราเจาะจงจะพิทักษ์รักษ์เจ้าครัน
กับชนปวงเราทำพันธสัญญา ที่ผ่านมาทางเจ้าเราเลือกสรร
เรายอมให้เจ้าอาศัยในแดนอัน รกร้างนั้นถูกทิ้งไว้ไร้ผู้คน
เราจะกล่าวแก่เชลยเผยพร่ำว่า “ไปเถิดหนาเป็นอิสระ ละหมองหม่น”
และกล่าวแก่ผู้อยู่ท่ามความมืดมน ออกมาพ้นสู่สว่างไม่ลางเลือน
พวกเขาเป็นเหมือนแกะและเล็มหญ้า ตามเนินผาเป็นหมู่เคียงคู่เพื่อน
ไม่หิวหญ้ากระหายน้ำทำแชเชือน ดูเสมือนอิ่มหนำแสนสำราญ
จากแถวถิ่นทะเลทรายคลายร้อนพลัน อาทิตย์ผันไม่ทำร้ายหมายหักหาญ
มีผู้ที่รักเขาเฝ้าเจือจาน น้ำพุซ่านพาไปให้ดื่มกิน
“เราจะทำทางหลวงทะลวงข้าม ตัดไปตามศิลาภูผาหิน
เตรียมถนนสร้างไว้ในแผ่นดิน ชนทั้งสิ้นจักได้เอาไว้เดิน
ประชาชนของเราเฝ้ามุ่งหน้า พากันมาจากแดนไกลไม่นานเนิ่น
มาจากเหนือ ตะวันตกวกเผชิญ แดนใต้เกิน สิเอเน เร่เข้ามา”
ชาวสวรรค์ทั้งผองจงร้องเพลง ชาวโลกเปล่งเสียงสนั่นด้วยหรรษา
ให้ภูเขาทั้งมวลล้วนปรีดา ร้องเพลงร่าเริงรื่นชื่นฤดี
พระเจ้าจะเล้าโลมใจให้ผู้คน ประชาชนของพระองค์จงสุขี
พระองค์ทรงเมตตาและปรานี ต่อผู้ที่ทุกข์ยากลำบากครัน
ชาวเยรูซาเล็มนั้นพลันพูดว่า “พระเจ้ามาทอดทิ้งแน่แท้แม่นมั่น
พระองค์ทรงลืมเราแล้วแคล้วคลาดกัน สิ้นสัมพันธ์จืดจางเหินห่างเรา”
พระเจ้ามีพระดำรัสตรัสตอบว่า “แม่ทั่วหน้าลืมลูกได้อย่างไรเล่า
เขาไม่รักบุตรแนบชิดสนิทเนา ที่ตนเฝ้าคลอดมานั้นหรือฉันใด
ถึงแม้ว่าแม่ลืมลูกเคยผูกจิต กลับครวญคิดแปรผันหันหนีได้
แต่ตัวเราพระเจ้าเฝ้าใส่ใจ เราจะไม่ลืมเจ้าเนานิจกาล
กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ยเราเผยพร่ำ จะจดจำไม่เลือนเฉยละเลยผ่าน
เราเขียนชื่อใส่มือถือทนทาน จารึกนานนามเจ้าเนาอย่างดี
“ผู้บูรณะเจ้าขึ้นใหม่เอี่ยมใสสด ถึงกำหนดจะมาไม่ช้านี้ ๑๗
ผู้คิดร้ายทำลายเจ้าเฝ้าราวี จะหลีกลี้พ้นพรากจากแผ่นดิน
จงเหลียวดูทั่วไปเกิดใดหนา ชาวเมืองพากันชุมนุมเกาะกลุ่มสิ้น
จะกลับคืนบ้านเดิมเริ่มชีวิน มาสู่ถิ่นแดนเก่าเนานิรันดร์
เราผู้ทรงพระชนม์แท้แน่ฉันใด ควรภูมิใจคนของเจ้าเฝ้ายึดมั่น
ดุจเจ้าสาวภูมิใจใดเทียมทัน เครื่องเพชรนั้นที่ประดับกับกายา
“ประเทศเจ้าปรักพังทั้งถูกทิ้ง บัดนี้ยิ่งเล็กไปไม่สมหน้า
สำหรับคนอยากอยู่นั่นชวนกันมา ปล่อยผู้พร่าเจ้าพังยั้งอยู่ไกล
คนของเจ้าเกิดเมื่อครั้งสั่งเนรเทศ คงหาเหตุพูดกับเจ้าเข้าจนได้
ประเทศนี้เล็กน้อยด้อยเกินไป เราอยากได้แผ่นดินใหญ่ให้กว้างพอ
แล้วเจ้าจะรำพึงไปใครให้ลูก ที่พันผูกเหล่านั้นแก่ฉันหนอ
ฉันสูญเสียลูกไปแม้นใจรอ เกินร้องขอมีไม่ได้จนใจจริง
ยามฉันถูกขับออกไปจนไกลสุด ใครเลี้ยงบุตรเหล่านี้หนาน่าคิดยิ่ง
ฉันต้องอยู่คนเดียวไซร้ใฝ่ประวิง สุดเฉยนิ่งลูกมาได้จากไหนกัน”
พระเจ้ารับสั่งแก่ประชากรของพระองค์ว่า
“เราจะให้สัญญาขานความหมาย ชาติทั้งหลายคอยดูรู้ให้มั่น ๒๒
แล้วเขาจะพาลูกเจ้าเฝ้าผูกพัน กลับบ้านทันทีทั้งมวลล้วนมากมาย
กษัตริย์มวลถ้วนละม้ายคล้ายบิดา คุ้มรักษาปวงเหล่าเจ้าทั้งหลาย
พระราชินีทั้งปวงเลี้ยงอยู่เคียงกาย เสมือนคล้ายมารดาเจ้าเฝ้าดูแล
เขาจะกราบและยกย่องปองเคารพ ทั้งนอนนบต่อเจ้านั้นมั่นคงแน่
เจ้าจะรู้เราเป็นไท้ไม่เปลี่ยนแปร คอยช่วยแท้ไม่ผิดหวังสิ้นทั้งปวง”
เจ้าทำผิดคิดเป็นโจรปล้นทหาร จะจัดการได้ไฉนให้ลุล่วง
เชลยของผู้กดขี่ที่เศร้าทรวง คิดเป็นห่วงช่วยเขานั้นได้ฉันใด
แต่เหตุการณ์ทั้งมวลทั่วถ้วนนี้ จะเกิดมีทีท่าขึ้นมาได้
เชลยของพวกทหารสะท้านใจ ถูกพาไปคร่าตัวน่ากลัวจริง
สมบัติของผู้ปกครองจ้องกดขี่ ทำย่ำยี ถูกริบถ้วนสมควรยิ่ง
เราจะสู้ผู้รบเจ้าเข้าช่วงชิง ไม่ทอดทิ้งพวกลูกเจ้าเราช่วยชู
ผู้ข่มเหงเจ้านั้นเราบันดาล ให้เกิดการฆ่าฟันกันเป็นหมู่
เขามึนเมาโมหะจริตไม่คิดดู ต่างรบสู้ฆ่าฟันกันถึงตาย
ชนควรรู้เราเป็นไท้ใหญ่เยี่ยมยอด ช่วยเจ้ารอดให้เสรีมีสมหมาย
เขารู้เราเป็นพระเจ้าเฝ้าชิดกาย ฤทธิ์มากมายของประชาอิสราเอล
บทที่ 50
พระเจ้ารับสั่งว่า
“เจ้าคิดว่าเราบังคับคอยขับไล่ คนอยู่ในอาณัติเราเฝ้ากีดกัน
เหมือนชายหย่าภรรยาคราโกรธกัน ถ้าเช่นนั้นหนังสือหย่าเอามาดู
เจ้าคะนึงถึงว่าเราเฝ้ามุ่งหมาย คิดจะขายเจ้าไปมิให้อยู่
เหมือนผู้ขายบุตรไปไม่อุ้มชู เป็นทาสผู้อื่นนั้นหรือฉันใด
เปล่าเลยที่เจ้าตกเป็นเช่นทาสเขา เพราะบาปเจ้าเก่าซ้ำทำไฉน
และเหตุที่ถูกบังคับขับไล่ไป เพราะเจ้าได้แระทำผิดติดตัวมา
“เหตุไฉนประชากรห่อนยอมรับ เมื่อเรากลับไปช่วยเขาเฝ้ารักษา
เหตุใดไม่ตอบคำพร่ำวาจา เราเรียกหาขานไปหรือไม่ยิน
เราอ่อนแอช่วยไม่ได้หรือไรนั่น เราสั่งพลันทะเลแห้งแล้งไปสิ้น
เปลี่ยนน้ำเป็นทะเลทรายหายหลั่งริน ฝูงประหลาดิ้นตายเกลื่อนกลาดขาดน้ำนอง
เราบันดาลให้ท้องฟ้านภาหม่น ดูมืดมนทั่วหล้าพาเศร้าหมอง
ประดุจดังไว้ทุกข์ไร้สุขครอง ให้ชนผองที่ตายวายชีวัน”
ผู้รับใช้เชื่อฟังพระเจ้า
พระเจ้าสอนให้รู้ว่าตัวข้านี้ จะพาทีอย่างไรให้เหมาะมั่น ๔
เพื่อคนเหนื่อยอ่อนแรงเหี่ยวแห้งครัน กลับแข็งขันเพิ่มหวังพลังใจ
ทุกยามเช้าทรงทำข้าพากระหาย กระวนกระวายในจิตคิดครวญใคร่
อยากฟังว่าทรงดำรัส ตรัสคำใด สอนอะไรข้าบ้างต่างคอยจำ
พระเจ้าทรงประทานให้เข้าใจถ้วน ตามสมควรแก่ข้าพเจ้าทรงเฝ้าพร่ำ
ข้าพเจ้าไม่ขัดขืนฝืนพระธรรม หรือเมินซ้ำหลบหน้าจากพระองค์
ข้าพเจ้าหันหลังให้เขาได้เฆี่ยน ไม่ปวดเศียรคราถูกหยามตามประสงค์
ถ่มน้ำลาย ดึงเครารั้ง ยังมั่นคง เขาทำตรงเบื้องหน้าข้านิ่งครอง
แต่ที่เขาหมิ่นข้ามามากมาย ไร้อันตรายเกิดแน่แก่ข้าผอง
ข้าทนได้ ไท้อำนวยช่วยคุ้มครอง ข้าไม่ต้องอับอายขายหน้าตา
ทรงสถิตชิดใกล้ได้มองเห็น ว่าข้าเป็นผู้พิสุทธิ์ผุดผ่องค่า
และใครเล่าตั้งข้อหาข้านี้นา ขอเชิญพากันฟ้องศาลขานคดี
พระเจ้าทรงป้องข้าไว้แล้วใครเล่า จะคอยเฝ้าพิสูจน์ข้าว่าผิดนี่
เหล่าผู้ฟ้องจะหายลับดับชีวี เหมือนผ้าที่ถูกมอดกินจนสิ้นลง
ทุกท่านที่เกรงพระองค์มั่นคงอยู่ เชื่อฟังผู้รับใช้ไท้สูงส่ง
แม้ทางเดินอาจมืดมนจนงวยงง แต่เจ้าจงวางใจไท้ทรงธรรม
ทุกคนที่วางแผนร้ายทำลายเขา แผนการเจ้ากลับเข้าตัวชั่วกระหน่ำ
ทรงบันดาลให้เป็นไปใครก่อกรรม ต้องชอกช้ำทรมานชะตาตน
บทที่ 51 ถ้อยคำเล้าโลมใจกรุงศิโยน
พระเจ้ารับสั่งว่า
“ฟังให้ดีมาหาเรา เจ้าให้ช่วย เราอำนวยให้เจ้ารอดปลอดภัยผอง
คิดคะนึงถึงศิลาคราจับจอง ที่เราต้องสกัดเจ้าเอาออกมา
ซาราห์ และ อับราฮัม ทำให้หวน คะนึงครวญแต่ก่อนเก่าเนาในหล้า
ซึ่งเคยเป็นบรรพบุรุษสุดบูชา นานนักหนาของเจ้าต้นเผ่าพงศ์
อับราฮัม เมื่อเราเพรียกร้องเรียกไป เขายังไม่มีบุตรดังหวังประสงค์
เราประทานลูกหลานถมสมจำนง ยั่งยืนยงหลายเท่าเราอวยพร
“เราเมตตา เยรูซาเล็มนี้ และปรานีคนตกยากซากเมืองก่อน
ประเทศเป็นทะเลยทรายมิคลายร้อน เราผันผ่อนให้เป็นสวนล้วนรื่นรมย์
ประดุจสวนเราสร้างไว้ในเอเดน ได้มองเห็นชนปรีดาพาสุขสม
ต่างร้องเพลงสรรเสริญเราเฝ้าชื่นชม กราบประนมขอบคุณที่หนุนนำ
“ประชากรของเราเฝ้าระวัง จงคอยฟังให้ดีที่เราพร่ำ
สอนบัญญัติชาติมวลควรจดจำ สว่างล้ำนำมาสู่ เคียงคู่ตน
เราจะรีบไปช่วยเขาเอาภาระ ชัยชนะของเราใกล้จะได้ผล
จะปกครองชาติต่างต่างอย่างอดทน ดินแดนพ้นคอยให้ช่วยด้วยหวังจริง
พิภพโลกฟ้าสวรรค์นั้นดูเถิด ฟ้าเตลิดลับเหมือนควันอาถรรพ์ยิ่ง
พิภพโลกร่อยหรอไปใฝ่ประวิง ถูกทอดทิ้งคล้ายผ้าเก่าเขาไม่แล
ชาวโลกพากันตายวายชีวี ความรอดที่เราให้เขาเนานานแน่
จะยั่งยืนนิรันดร์ไม่ผันแปร ชนะแท้เด็ดขาดไม่พลาดเลย
“สิ่งถูกต้องเจ้ารู้เค้าฟังเราก่อน อีกคำสอนเราฝังใจใคร่เฉลย
อย่ากลัวเมื่อเขาด่าว่าเปรียบเปรย และเยาะเย้ยเหยียดหยามประณามเอา
คนเช่นนั้นจะหมดไปไม่เห็นหน้า เหมือนเสื้อผ้าถูกมอดกินสิ้นใหม่เก่า
ความช่วยเหลือเราให้หวังยั่งยืนเนา ชัยของเราคงมั่นนิรันดร์กาล”
พระเจ้าข้าขอตื่นพลันทันช่วยเหลือ ขอทรงเอื้อเราไซร้ภัยพ้นผ่าน
ใช้เดชาเกรียงไกรได้บันดาล โปรดเจือจานทรงช่วยด้วยฤทธี
เหมือนดังที่ทรงทำมาคราเนิ่นนาน กาลโบราณครั้งเก่าคราวก่อนกี้
มังกรทะเล ราหับ ดับชีวี ทรงขยี้เฉือนวิ่นเป็นชิ้นไป
น้ำทะเลพระองค์ทรงบันดาล ทรงจัดการให้เหือดแห้งแล้งหยุดไหล
ในทะเลทำทางแห้งจงแจ้งใจ ทรงทำให้ผู้ช่วยไว้ได้ข้ามครัน
ผู้ทรงช่วยมุ่งสู่เยรูซาเล็ม พวกเขาเต็มด้วยยินดีมีสุขสันต์
ต่างโห่ก้องร้องเพลงครื้นเครงครัน เขาทั้งหลายมีความสุขไร้ทุกข์มวล”
พระเจ้ารับสั่งว่า
“เราเป็นผู้ชูกำลังประทังเจ้า เหตุใดเล่ากลัวมนุษย์ดุจเดียวถ้วน
มนุษย์ที่จะตายได้ตามควร มีชีพล้วนไม่นานช้ากว่าหญ้าเลย
เจ้าลืมพระผู้สร้างเจ้าเข้าแล้วหรือ ทรงเอื้อมมือกางฟ้าออกมาเผย ๑๓
พิภพโลกวางรากฐานมีคานเกย เหตุใดเฉยกลัวไยไม่สร่างเซา
หวั่นกลัวคนข่มเหงเจ้าเขากดขี่ กลัวผู้ที่เตรียมทำร้ายหมายเข่นฆ่า
เขาไม่มีวันเกี่ยวข้องต้องกายา เจ้านั้นหนาได้สักครั้งหมดหวังปอง
ไม่ข้าผู้เป็นเชลยเคยทนทาน ได้รับการปล่อยปลดลดโทษผอง
เขาจะมีอายุยืนชื่นใจปอง อาหารกองกินอิ่มหนำแสนสำราญ
“เราเป็นพระเจ้าของเจ้าคอยเฝ้าอยู่ เราเป็นผู้กวนสมุทรน้ำผุดพล่าน
ทำให้เกิดคลื่นโครมโหมทะยาน นามเรียกขานเราคือไท้ใหญ่ฤทธา
เรากางฟ้าสวรรค์พลันจัดการ วางรากฐานโลกกว้างสร้างสรรค์หล้า
บอก ศิโยน ประชาเราเฝ้าเลือกมา เรารักษาสอนเจ้าไว้ในหัตถ์เอง”
เยรูซาเล็ม จงตื่นฟื้นเถิดเจ้า รีบเร็วเข้าลุกขึ้นมาคราเรียกเร่ง
เจ้าดื่มโทษไท้บัญชามาตามเพรง ให้อลเวงเมามัวทั่วทั่วไป
ไม่มีใครในพวกเจ้าเฝ้านำหน้า จูงมือพาเจ้าดำเนินเดินไปได้
เจ้าต้องรับหายนะหนักกระไร แสนยิ่งใหญ่เป็นสองเท่าเข้าทำลาย
สงครามทำให้แดนดินถิ่นของเจ้า ต้องว่างเปล่าทิ้งขว้างร้างห่างหาย
อีกผู้คนอดอยากลำบากกาย คนผ่อนคลายเห็นใจนั้นไม่มี
ชาวเมืองทรุดตามสี่แยกแทบแตกดับ กายล้มพับด้วยระเหี่ยเพลียเหลือที่
เขาเหมือนกวางติดแร้วแน่วคราวนี้ รู้รสดีพิโรธองค์พระทรงธรรม
พวกเจ้าชาวเยรูซาเล็มเต็มด้วยทุกข์ ไร้ความสุขทรมานนานแล้วนั่น
ต้องโซเซทรุดโทรมล้มลุกกัน ต่างงงงันเหมือนคนเมาเหล้าอาจิณ
ไท้ของเจ้าทรงป้องกันท่านตรัสว่า “ความโกรธาเราทิ้งจนพ้นเจ้าสิ้น
จะไม่ต้องดื่มสุราพร่าชีวิน จนล้มดิ้นเมามายวอดวายไป
เราจะเอาไปให้ผู้ข่มขู่เจ้า เพื่อพวกเขาดื่มร่ำซ้ำเมาใหญ่
ผู้ขู่เจ้านอนถนนคนคลาไคล ดุจหยากไย่เขาเหยียบย่ำซ้ำเจ้าจม”
บทที่ 52 พระเจ้าทรงช่วยกรุงเยรูซาเล็ม
เยรูซาเล็มจงกลับแข็งแกร่งต่อไป และยิ่งใหญ่อีกเถิดหนากว่าครั้งก่อน
เมืองศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเก่านคร สถาพรรุ่งเรืองประเทืองงาม
ผู้ไม่รับนับถือพระเป็นเจ้า ไม่ได้เข้าในเมืองหลวงเขาหวงห้าม
เยรูซาเล็มสลัดตนพ้นแอกตาม ธุลีทรามลุกมานั่งบัลลังก์รอ
ชาวศิโยนที่ตกไปใต้บังคับ ถูกเขาจับเป็นเชลยเคยระย่อ
จงปลดโซ่ตรวนตีที่ล่ามคอ ถอดออกพอกันทีแต่นี้ไป
พระเจ้ารับสั่งแก่พลไพร่ของพระองค์ว่า
“ไม่มีใครซื้อเจ้าเขาเฉยเมย แต่เจ้าเลยตกเป็นทาสพลาดไฉน
หาคนไถ่เจ้านี้ไม่มีใคร แต่เจ้าได้รับปลดปล่อยพลอยพ้นพลัน
ครั้งหนึ่งเจ้าอยู่ยั้งยังอียิปต์ แดนไกลลิบเช่นชนอย่างต่างถิ่นนั่น ๔
ต่อมาถูกอัสซีเรียขู่เสียงัน ข่มเหงกันไร้เหตุผลสุดทนทาน
ที่ในกรุงบาบิโลนโดนเช่นนี้ เหตุการณ์ที่เหมือนกันพลันแผ่ซ่าน
เจ้าตกเป็นเชลยเขาเข้าดักดาน ไม่เป็นการไร้สาเหตุสังเวชใจ
ผู้ข่มเหงเจ้าคุยโวโอ่ดูหมิ่น เราทั้งสิ้นอยู่เรื่อยมาพาหม่นไหม้
ถึงกำหนดเจ้ายอมรับกับใครใคร ว่าเราไซร้เป็นพระเจ้าเราบอกมา”
น่าชื่นใจนักหนาคราได้เห็น ชนที่เป็นผู้นำข่าวมากล่าวว่า
เป็นข่าวดีสันติสุขปลุกอุรา ข้ามภูผามาบอกเล่าให้เจ้ายิน
ชัยชนะแก่ศิโยนไกลโพ้นนั้น พระทรงธรรมประกาศข่าวป่าวร้องสิ้น
พระเจ้าของเจ้าเลิศพร้อมจอมบดินทร์ ไร้มลทินกษัตราสง่าองค์
ยามรักษาเมืองนั้นพลันโห่ร้อง แต่แซ่ซ้องชื่นชมสมประสงค์
พวกเขาเห็นบรมไท้ใหญ่ยิ่งยง เสด็จตรงสู่ศิโยนอยู่โพ้นไกล
บรรดาซากปรักหักพังเยรูซาเล็ม ร่าเริงเต็มด้วยหรรษาพาเสียงใส
พระเป็นเจ้าทรงเฝ้าเล้าโลมใจ พลไพร่พระองค์ด้วยทั้งช่วยเมือง
พระเจ้าทรงใช้ฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ถ้วน ไพร่พลล้วนทรงช่วยมาครานานเนื่อง
คนทั่วโลกเห็นอิทธิฤทธิ์นั้นประทอง พระองค์เรืองศักดามาช้านาน
พวกแบกหามเครื่องใช้มวลล้วนศักดิ์สิทธิ์ มหิทธิฤทธิ์ล้ำค่ามหาศาล
จงไปจากบาบิโลนโจนทะยาน รีบพ้นผ่านไปพลันในทันที
อย่าจับถือสิ่งใดไท้ทรงห้าม จงเกรงขามอย่าแตะต้องให้หมองศรี
รักษาตนไร้มลทินถวิลดี เร่งเร็วรี่จากเมืองไปให้ไกลตา
ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องไปให้รีบร้อน จากเมืองผ่อนผันได้แม้ไปล่า
เจ้าไม่ต้องหลบซ่อนอ่อนอุรา ไม่หนีหน้าหลีกเร้นเหมือนเช่นเคย
พระเป็นเจ้าของเจ้าเหล่าปวงชน บันดาลดลนำเจ้าย่างอย่างเปิดเผย
จะทรงป้องครองไว้ไม่ละเลย จงนิ่งเฉยทุกด้าน ธ ทรงระวัง
ผู้รับใช้ที่ทนทุกข์ทรมาน
พระเจ้ารับสั่งว่า
“ผู้รับใช้เราสำเร็จเสร็จในงาน ชนกราบกรานยกย่องได้ใหญ่สมหวัง
เมื่อเห็นท่านพาดตะลึงขึงจังงัง ท่านน่าชังเสียโฉมไซร้ดูไม่ลง
นี่หลายชาติอัศจรรย์ใจในตัวท่าน ราชทั้งนั้นนิ่งงันพลันพิศวง
เขาจะเห็นและเข้าใจในจำนง สิ่งประสงค์ที่เขาไม่ได้รู้เลย”
บทที่ 53
ประชาชนตอบว่า
“ใครจะเชื่อถ้อยคำพร่ำกล่าวขาน เรารายงานนี้บ้างอย่างไรหนา
ใครเห็นไท้ทำกิจนี้ที่มีมา ล้ำคุณค่ามีใครได้เห็นกัน
นี่เป็นพระประสงค์ขององค์พระเจ้า ที่ให้เหล่าผู้รับใช้ไท้คงมั่น
เจริญขึ้นมากมายคล้ายพืชพันธุ์ หยั่งรากนั้นลงดินแห้งแล้งกระไร
พระองค์ไม่สวยสง่าเลิศราศี งามเหลือที่จะพรรณนาออกมาได้
ไม่พอทำให้เราเฝ้าสนใจ สังเกตไปแลเด่นเห็นพระองค์
เราดูหมิ่นไม่รับองค์ทรงเป็นเจ้า พระองค์เศร้าร้าวหทัยไร้ประสงค์
ไม่มีใครใส่ใจปองมองเจาะจง ละเลยส่งเหมือนดังไท้ไร้ค่าควร
“แต่พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมาน ซึ่งควรผ่านเป็นของเราเข้าครบถ้วน
กลับคิดว่าทรงรับทุกข์ไร้สุขมวล เป็นเหตุล้วนที่พระเจ้าเฝ้าลงทัณฑ์
เพราะความบาปเราทำมาซ้ำให้ พระองค์ได้บาดแผลแท้เทียวนั่น
ทรงถูกเฆี่ยนตีด่าสารพัน เพราะบาปอันชั่วราคีที่เราทำ
โทษทัณฑ์ที่พระองค์ทรงได้รับ ก็ย้อนกลับให้เรามีเสรีร่ำ
รอยแผลเฆี่ยนที่พระองค์ทรงรับกรรม รักษาซ้ำให้เราหายสบายครัน
เราทุกคนเป็นแกะหลงไม่ตรงทาง ต่างคนต่างเลือกเดินไปตามใจมั่น
พระเจ้าทรงให้ไท้ได้รับทัณฑ์ ที่เรานั้นสมควรรับมากลับกลาย
“เขาทารุณทรงรับไว้ปากไม่เผย เหมือนแกะเคยนำไปฆ่ามากหลาย
พระองค์ไม่อ้าปากพร้องร้องโวยวาย อย่างเช่นคล้ายแกะที่คนตัดขนราน
ทรงถูกจับคุมขังสั่งตัดสิน บั่นชีวินพาตระเวนเข่นประหาร
ไร้ชนสนใจชะตาพาทรมาน ถูกล้างผลาญเพราะบาปชั่วของตัวเรา
เขาจัดพระองค์ไว้ในหลุมฝัง อยู่รวมทั้งอาชญากรนอนปนเขา
ลูกฝังกับคนรวยล้นต้องทนเอา ทั้งพระเจ้าไม่ปด ปิดผิดสัญญา”
พระเจ้าตรัสว่า
“เราประสงค์ให้พระองค์ทรงถูกการ ทรมานร่างไซร้ให้เขาฆ่า
และการที่พระองค์ทรงมรณา มีคุณค่าให้เราโปรดยกโทษทัณฑ์
พระชนม์ของพระองค์ทรงยืนนาน ได้พบพานเชื้อพระวงศ์ดำรงมั่น
และแผนการของเราเข้าประจัญ สำเร็จพลันทางพระองค์ลงด้วยดี
หลังจากชีพทรมานนานเกินนับ พระองค์กลับปรีดิ์เปรมเกษมศรี
รู้ว่าถูกทรมานรานชีวี นั้นจักมีประโยชน์ไซร้มิใช่ทราม
พระองค์เป็นผู้รับใช้ใจชอบธรรม รับโทษกรรมแทนคนมากล้นหลาม
ทำให้เขาเหล่าประชาพยายาม ประพฤติความซื่อสัตย์เป็นอัตรา
เราจะให้ตำแหน่งที่มีเกียรติยศ ได้ปรากฏแด่พระองค์ทรงเลิศหล้า
ท่ามกลางคนสำคัญเหล่านั้นนา คนแกร่งกล้ามีอำนาจฉกาจไกร
ทรงมอบชีพร่วมชะตาอาชญากร ทรงอาทรประทานจิตชีวิตให้
ทรงรักโทษแทนคนบาปหยาบกระไร ให้สาใจกับโทษทัณฑ์อันมากมาย”
บทที่ 54 พระเจ้าทรงรักอิสราเอล
ชาวเยรูซาเล็มทั้งหลายคล้ายหญิงหมัน บัดนี้พลันร้องเพลงครื้นเครงได้
จะมีลูกมากยิ่งกว่าหญิงใด สามีใกล้ไม่เคยพรากไปจากกัน
เลื่อนกระโจมเจ้าอาศัยให้ใหญ่กว้าง ผ่อนเชือกกางกระโจมยาวอย่าสาวสั้น
และตอกหลักปักกระโจมโหมลงครัน ให้คงมั่นแข็งแรงดูแกร่งดี
เจ้าขยายเขตแดนแว่นแคว้นไป ให้กว้างใหญ่ทุกด้านสถานที่
ชาวเมืองคืนประเทศได้ใจเปรมปรีดิ์ เมืองร้างนี้มีคนเต็มล้นนา
อย่ากลัวเลยไม่ต้องอายขายหน้าเขา และพวกเจ้าไม่ต่ำต้อยด้อยไร้ค่า
เมื่อยามเจ้าทั้งนั้นเป็นภรรยา ลืมเมื่อคราเจ้าไซร้ไม่ซื่อตรง
และลืมเลือนความหมองครองทุกข์เศร้า ลืมความเก่าสิ้นหวังดังประสงค์
เมื่อเจ้าตกเป็นหญิงม่ายคลายทะนง เลิกพะวงลืมให้สิ้นจากถิ่นใจ
พระผู้สร้างสูงสุดดุจสามี ของเจ้านี้พระองค์ทรงยิ่งใหญ่
พระองค์ทรงนามสง่ากล้าเกรียงไกร ว่าจอมไท้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์อนันต์
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล ขอทรงเห็นใจด้วยช่วยสร้างสรรค์
ทรงครอบครองโลกาสารพัน ทั้งสิ้นนั้นทรงอำนวยด้วยฤทธา
อิสราเอลเช่นภรรยาเมื่อคราสาว ใจปวดร้าวสามีทิ้งนิ่งหลบหน้า
แต่พระองค์เรียกเจ้าไว้ให้กลับมา คืนมาหา ธ ดำรัสตรัสว่าวอน
“เราทิ้งเจ้าชั่วครู่หนึ่งถึงจะกลับ รีบมารับด้วยใจรักจงพักผ่อน
เราหายกริ้วแล้วรักมั่นนิรันดร ไท้อาทรช่วยเหลือเจ้าเฝ้าสั่งคำ
ในสมัยโนอาห์สัญญาไว้ เราไม่ให้น้ำท่วมโลกโชกชุ่มฉ่ำ
ณ บัดนี้ไม่โกรธเจ้าเราไม่ทำ ไม่ดุพร่ำหรือลงโทษหายโกรธเลย
เขาใหญ่น้อยอาจพังหายทลายลง แต่เราคงไม่สิ้นรักหักรานเฉย
จะรักษาสัญญาไว้ให้เหมือนเคย สันติเผยแก่เจ้านี้มีสุขครัน”
กรุงเยรูซาเล็มใหม่
พระเจ้ารับสั่งว่า
“เยรูซาเล็มเมืองหมองต้องทนทุกข์ ไร้ความสนุขหมดหวังทั้งหวาดหวั่น ๑๑
ไร้คนปลอมประโลมใจให้หายพลัน เราสร้างสรรค์ฐานเมืองใหม่ใส่มณี
ทับทิมสร้างหอคอยพลอยแสงเรือง ประตูเมืองล้วนหินแดงเพลิงแสงสี
กำแพงเมืองสร้างเสร็จเพชรรุจี พลอยอย่างดีล้อมเจ้าไว้ใฝ่คุ้มครอง
เราเองสอนชาวเมืองไซร้ให้ประเทือง แสนรุ่งเรืองสงบสุขไร้ทุกข์ผอง
ยุติธรรมนำเมืองมั่นสรรสมปอง เจ้าไม่ต้องถูกข่มเหงหวั่นเกรงภัย
ถ้ามีใครขืนทำร้ายทำลายเจ้า แต่ตัวเราหาเห็นดีตามนี้ไม่
ผู้ต่อสู้เจ้านั้นต้องบรรลัย ล้มลงไปไม่ลุกขึ้นยืนท้าทาย
“เราสร้างช่างเหล็กไว้ก่อไฟสุม ให้ลุกรุมทำอาวุธดุจมุ่งหมาย
สร้างทหารใช้อาวุธยุทธ์กระจาย เพื่อทำร้ายประหารผลาญศัตรู
แต่ไม่มีอาวุธใดใหญ่สำคัญ จะห้ำหั่นทำร้ายหมายข่มขู่
เจ้าตอบโต้ทุกคนไม่ทนดู เฝ้าต่อสู้กล่าวหามาค้าความ
เราจะปกป้องผู้อยู่รับใช้ ของเราไว้ถ้วนหน้าอย่าเกรงขาม
ประทานชัยทั่วถ้วนล้วนสมนาม ชนะงามเราให้ด้วยใจจง”
พระเจ้าตรัสไว้ดังนี้แหละ
บทที่ 55 พระเจ้าทรงเมตตา
พระเจ้าตรัสว่า
“มาดื่มเถิดชนทั้งหลายกระหายน้ำ เราเอ่ยย้ำน้ำอยู่นี่มีมากล้น
จงมาเถิดบรรดาเจ้าเหล่าคนจน ทั่วทุกคนที่หม่นไหม้ไร้เงินทอง
มาซื้อข้าวไปกินกันปันให้เจ้า มาซื้อเหล้าองุ่นดื่มลืมเศร้าหมอง
ซื้อน้ำนมดื่มชิมลิ้มสมปอง เจ้าไม่ต้องเสียเงินเชิญมากิน
เหตุไฉนจ่ายเงินจนเกินไป เพื่อสิ่งไม่ใช่อาหารมานถวิล
ไฉนยังหิวโหยหาเป็นอาจิณ ทั้งที่สิ้นเงินซื้อหรือไม่พอ
เจ้าจงฟังเราไว้ใฝ่ทำตาม พยายามดังบอกเล่าแก่เจ้าหนอ
จะได้กินอาหารดีที่ลงคอ ไม่ต้องขอได้อิ่มหนำแสนสำราญ
“ประชามวลจงมาหาเรานี้ เจ้าจะมีชีพยงคงแสนหวาน
กับตัวเจ้าเราทำสัตย์ปฏิญาณ พรประทานดังสัญญาแก่ดาวิด
ตั้งเขาเป็นประมุขทั้งสั่งบัญชา ชาตินานาคุ้มครองปองสถิต
เราจะให้คนมากมายหลายชนิด ได้เห็นฤทธิ์ใหญ่ของเราทางเขานา
บัดนี้เจ้าจะเรียกชาติฉกาจไกร ที่เจ้าไม่รู้จักเขาเข้ามาหา
ครั้งหนึ่งเขาไม่รู้จักเจ้าสักครา กลับวิ่งมาหาทันทีบัดนี้ครัน
เราเป็นไท้ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล จะทรงเป็นผู้บันดาลเหตุการณ์นั่น
ให้เป็นไปดังนี้ที่สำคัญ จนเจ้านั้นมีเกียรติยศปรากฏไกล”
จงมาเฝ้าอธิษฐานขานวิงวอน พระเจ้าก่อนเถิดหนาอย่าหลงใหล
ณ บัดนี้ ธ สถิตชิดกว่าใคร มาอยู่ใกล้เราสิ้นควรยินดี
ให้คนชั่วหันเวียนเปลี่ยนความคิด ทางชีวิตแปรผันกันทุกที่
หันกลับมาหาพระเจ้าของเรานี้ พระองค์มีเมตตาและอภัย
ทรงตรัสว่า “ความคิดในจิตเรา ไม่เหมือนเจ้าที่คิดวินิจฉัย
วิถีทางเราห่างต่างกันไป ไม่ร่วมในทางเจ้าเราแยกพลัน
ฟ้าสวรรค์อยู่สูงเหลือเหนือโลกา ไกลนักหนาสุดตาจากฟ้านั่น
วิถีความคิดเราไม่เท่ากัน เราสูงขั้นกว่าของเจ้าไม่เท่าเทียม
“ถ้อยคำเราเหมือนฝนปนหิมะ จากฟ้าชะแผ่นดินฉ่ำน้ำนองเปี่ยม
พืชงอกงามให้เมล็ดเพาะพอเหมาะเตรียม อาหารเยี่ยมข้าวสำหรับรับประทาน
ถ้อยที่เราพูดออกไปใฝ่เพ้อพร่ำ ถ้วนทุกคำก็เช่นกันไม่ผันผ่าน
จะต้องเป็นไปตามความต้องการ ที่เราขานดำริไว้ไม่เปลี่ยนแปร
“เจ้าจะจากบาบิโลนไกลโพ้นนั้น ด้วยสุขสันต์ยินดีปรีดิ์เปรมแน่
เขาพาเจ้าจากเมืองไปให้ชื่นแด อย่างจริงแท้สันตินำสุขล้ำครัน
ภูเขาใหญ่น้อยนั้นพลันเปล่งเสียง ส่งสำเนียงร้องเพลงครื้นเครงลั่น
ต้นไม้จะโห่ร้องก้องประชัน เสียงสนั่นด้วยยินดีปรีดิ์เปรมใจ
ต้นสนขึ้นในที่มีต้นหนาม มันงอกงามเจริญอยู่ดูเติบใหญ่
ต้นไม้ที่ทำเครื่องหอมย้อมหัวใจ ขึ้นแทนใกล้ต้นหนามติดตามเคียง
นี่จะเป็นสัญญาณไว้เตือนใจมั่น ชั่วนิรันดร์ตลอดไปไม่หลีกเลี่ยง
ให้ระลึกเราเป็นไท้ใฝ่เผดียง กิจกรรมเยี่ยงนี้เราเฝ้ากระทำ
บทที่ 60 ความรุ่งโรจน์ของกรุงเยรูซาเล็มในอนาคต
เยรูซาเล็มจงฟื้นขึ้นส่องแสง ให้แจ่มแจ้งดุจอาทิตย์ฤทธิ์แรงกล้า
พระสิริของพระเจ้าส่องเข้ามา แสงเจิดจ้าต้องเจ้าเข้าแล้วครัน
ความมืดมนครอบคลุมสุมชาติผอง แต่แสงของพระองค์ส่องต้องเจ้ามั่น
ความรุ่งโรจน์สำแดงให้ได้เห็นกัน ว่าทรงธรรมสถิตใกล้ไม่ผันแปร
ชาติทั้งมวลจะมาหาสว่าง แสงกระจ่างของเจ้านำเขาแน่
ราชมาสู่อรุโณทัยสดใสแด วันใหม่แท้ที่เจ้าเรืองประเทืองนาน
ดูให้ทั่วเถิดเหตุการณ์งานใดบ้าง ชาวเมืองต่างชุมนุมกันหันกลับบ้าน
บุตรเจ้ามาจากแดนไกลได้พบพาน เขาจัดการอุ้มบุตรสาวของเจ้ามา
เจ้าปลาบปลื้มนักหนาคราได้เห็น จะตื่นเต้นตัวสั่นหวั่นนักหนา
เขาจะนำทรัพย์สมบัติชาตินานา ข้ามธาราทะเลไกลให้เจ้าพลัน
ขบวนอูฐมากนักหนามาจากแคว้น มีเดียนแดนเอฟาห์ไกลตานั่น
นำทองจากเชบาพร้อมเครื่องหอมครัน ชนเล่ากันเรื่องพระเจ้าเฝ้ากอปรการ
เขานำจากเคดาร์ เนบาโนท ใช้ประโยชน์เผาบูชา ณ สถาน
เพื่อพระเจ้าพอพระทัยได้โปรดปราน ให้วิหารรุ่งโรจน์หล้ากว่าครั้งใด
เรืออะไรแล่นแฉลบแนบน้ำลิ่ว ดุจเมฆปลิวลอยล่องท้องฟ้าใส
ประดุจนกพิราบบินจากถิ่นไกล กลับรังไวร่อนลิบในพริบตา
เรือที่มาจากแคว้นแดนไกลโพ้น นำปวงชนกลับบ้านตัวถ้วนทั่วหน้า
พวกเขานำเงินทองที่มีราคา ติดตนมาด้วยกันนั้นมากมาย
เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าเนาสถิต ผู้ศักดิ์สิทธิ์อิสราเอลเป็นเครื่องหมาย
ทรงบันดาลให้ชาตินบสยบกาย ต่างมิคลายยกย่องชนคนพระองค์
พระเจ้าตรัสแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า
“ชนชาติอื่นสร้างกำแพงแข็งแรงพลัน ของเจ้านั้นขึ้นใหม่ให้สูงส่ง ๑๐
ปวงกษัตริย์ของเขาน้อมถ่อมตัวลง เพื่อประสงค์รับใช้เจ้าเฝ้าดูแล
เราลงทัณฑ์บั่นทอนไม่ผ่อนโทษ เพราะความโกรธยิ่งนักประจักษ์แน่
แต่บัดนี้เรายกโทษโปรดปรานแด และเผื่อแผ่เมตตาเอื้ออารี
ประตูรั้วบ้านเปิดรับนับคอยท่า รอเวลาทั้งวันคืนตื่นเต็มที่
กษัตริย์ของชาติทั้งหลายหมายชีวี นำทรัพย์มีสมบัติให้เจ้าไว้ครัน
ชาติที่ไม่รับใช้เจ้าเขาอยู่นิ่ง จะถูกทิ้งทำลายสิ้นพังภินท์นั่น
ไม้สน ไม้จูนเพอร์ ไซเพรส พันธุ์ เยี่ยมทั้งนั้นจากป่า เลบานอน
ถูกนำมาบูรณะกะการกัน เพื่อสร้างสรรค์เยรูซาเล็มเต็มที่ก่อน
สร้างวิหารให้งดงามตามพระพร ทุกแห่งตอนสร้างเมืองใหม่ให้รุ่งเรือง
เหล่าบุตรชายผู้ทับถมคอยข่มเหง นบนอบเร่งเคารพเจ้าไม่เอาเรื่อง
ทุกคนที่ดูหมิ่นเย้ยเคยขัดเคือง กลับทำเซื่องกราบแทบเท้าของเจ้านา
เขาเรียกเจ้าเฝ้าเผยเอ่ยวาทะ “เมืองของพระเป็นเจ้า” บ้างต่างเรียกหา
หรือ “ศิโยน เมืองพระองค์ทรงฤทธา เรืองเดชาศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล”
“เจ้าจะไม่ถูกเกลียดชังทั้งทิ้งขว้าง เป็นเมืองร้างต่อไปให้ใครเห็น ๑๕
จะสวยงาม ยิ่งใหญ่ เราให้เป็น ที่ร่มเย็นยินดีทั่วอยู่ชั่วกาล
ชาติทั้งมวลถ้วนกษัตริย์มนัสพร้อม มโนน้อมใส่ใจเจ้าเฝ้าประสาน
ดุจมารดากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมานาน สนิทมานรักบุตรสุดพะวง
เจ้าจะรู้เราเป็นไท้ใหญ่นักหนา มีศรัทธาช่วยเจ้าไว้ใจประสงค์
รู้ว่า ธ อิสราเอลเด่นดำรง ปล่อยเจ้าคงมีเสรีน่าดีใจ
“เราจะมอบทองคำล้ำเมลือง แทนทองเหลืองมิชอบมามอบให้
เงินแทนเหล็กเข้มทแข็งแกร่งถมไป ทองเหลืองใช้แทนไม้ได้พอควร
เจ้าจะมีเหล็กแทนหินสิ้นทั้งผอง ผู้ปกครองไม่กดขี่ดีครบถ้วน
เราบันดาลให้ครองป้องชนมวล เที่ยงธรรมล้วนสงบสุขไร้ทุกข์ทน
เสียงทารุณต่อไปจะไม่ยิน ประเทศถิ่นไม่พินาศคลาดหมองหม่น
เราเป็นกำแพงป้องคุ้มครองชน เจ้าทุกคนสรรเสริญเราช่วยเจ้านา
“อาทิตย์ไม่ส่องสว่างยามกลางวัน ไร้แสงจันทร์ส่องราตรีลี้หลบหน้า
เราพระเจ้าส่องใกล้ชิดเป็นนิตย์มา ต้องเจ้าหนาคือพระสิริส่องนิรันดร์
วันโศกเศร้าเจ้าสิ้นลงไม่คงอยู่ เราเป็นผู้ส่องแสงให้ด้วยใจมั่น
ยืนยงกว่าอาทิตย์แจ้งแสงตะวัน และดวงจันทร์สีทองผ่องอำไพ
ชาวเมืองเจ้าทำสิ่งยิ่งถูกต้อง จะครอบครองประเทศรอดตลอดได้
เราปลูกฝังสร้างเขาเฝ้าห่วงใย เพื่อความใหญ่ยิ่งเราแจ้งแห่งมวลชน
แม้ตระกูลเล็กน้อยต่ำต้อยสุด กลายประดุจมหาชาติอำนาจล้น
ถึงเวลาเร่งให้เป็นเช่นบัดดล จงยินยลเราเป็นไท้ใหญ่ยิ่งครัน”
บทที่ 61 ข่าวดีเรื่องพระเจ้าทรงช่วย
ทรงโปรดให้ข้าเปี่ยมล้นท้นอำนาจ ฤทธิ์เด็ดขาดของพระองค์ทรงยิ่งใหญ่
ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าเฝ้าใช้ไป บอกข่าวให้คนจนนี้ยินดีครัน
ให้รักษาจิตใจหมองไหม้ซ้ำ ประกาศย้ำปล่อยเชลยเคยกีดกั้น
ข่าวปลดปล่อยผู้ถูกขังหมดทั้งนั้น รู้ทั่วกันได้เสรีเปรมปรีดา
พระเป็นเจ้าพระองค์ส่งข้าไป ทรงสั่งให้ประกาศข่าวกล่าวขานว่า
ถึงเวลาทรงอำนวยช่วยประชา ทรงเมตตาให้รอดปลอดภัยพาล
และพระองค์ปราบหมู่ศัตรูร้าย ไม่กล้ำกรายพระองค์ทรงหักหาญ
ทรงส่งข้าปลอมกมลคนซมซาน ระทมมานวิปโยคเศร้าโศกครวญ
ไปทำให้คนเศร้าหมองครองทุกข์ร้อน ในนครศิโยนไซร้เลิกไห้หวน
กลับยินดีปรีดาพาชื่นชวน ลืมเศร้ามวลให้สิ้นจากถิ่นใจ
ให้รองเพลงสรรเสริญเยินยอองค์ ธ สูงส่งแทนระกำทุกข์ร่ำไห้
ทรงดูแลป้องเขาเฝ้าพ้นภัย เจริญวัยดังต้นไม้ใหญ่งอกงาม
ทุกคนทำแต่สิ่งยิ่งถูกต้อง ทั่วทั้งผองกอปรกรรมดีที่น่าขาม
ปวงชนจะสรรเสริญไท้ในทุกยาม เฝ้าติดตามซึ่งพระองค์ทรงทำมา
พวกเขาจะบูรณะเมืองหักพัง คงอยู่ยังสร้างใหม่สดใสกว่า
ประชาชนเหล่าชนชาตินานา มาพร้อมหน้าปรนนิบัติไม่ขัดแด
พวกของเขาเฝ้าพิทักษ์รักษ์ฝูงสัตว์ สารพัดของเจ้าเขาช่วยแน่
จะไถ่นาทำไร่ไม่อ่อนแอ และดูแลไร่องุ่นเจ้าวุ่นไป
ชนรู้จักเจ้าสมเป็นผู้รับใช้ ขององค์ไท้เป็นเจ้าเฝ้าชิดใกล้
เจ้าปลาบปลื้มทรัพย์ชาติอื่นชื่นกระไร ภาคภูมิใจว่าเป็นเช่นของตัว
ความอับอายขายหน้ามาสิ้นสุด ได้ยั้งหยุดอยู่แคว้นเจ้าบรรเทาทั่ว
ทรัพย์สมบัติเพิ่มทวีมีพันพัว ได้ยิ้มหัวปิติคงดำรงนาน
พระเจ้ารับสั่งว่า
“เรารักความยุติธรรมล้ำเลิศหล้า เกลียดชัง ฆ่า ฟัน กดขี่ ขยี้ผลาญ
ให้บำเหน็จคนของเราเฝ้าทำงาน สัญญาขานไว้กับเขาเนานิรันดร์
เขาจะมีชื่อเสียงเด่นเป็นสง่า อยู่นำหน้ากลางชาติมวลล้วนแข็งขัน
ทุกคนที่เห็นอยู่จะรู้ทัน ว่าเขานั้นตัวเราไซร้ได้อวยพร”
เยรูซาเล็มชื่นชมนิยมไท้ ที่ทรงได้กอปรการนี้มิผันผ่อน
นางเป็นเหมือนเจ้าสาวพราวพริ้งตอน แต่งกายก่อนเข้าพิธีเตรียมวิวาห์
พระเป็นเจ้าพอพระทัยโปรดให้นาง ได้สวมร่างด้วยความรอดยอดคุณค่า
ชัยชนะยืนนานประทานมา เลิศนักหนาดุจอาภรณ์ซ้อนคลุมกาย
พระเจ้าช่วยประชาชนคนพระองค์ ให้ดำรงเจริญชนม์ดลสมหมาย
ดังเมล็ดงามงอกออกกระจาย ชาติทั้งหลายสรรเสริญองค์ทรงฤทธี
บทที่ 62
เราจะกล่าวถ้อยคำกำลังใจ เพื่อมอบให้เยรูซาเล็มเต็มความหวัง
เราไม่นิ่งจนเจ้ารอดปลดชีพยัง ชนะดังแสงไต้ในค่ำคืน
กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ยเคยเดชา ชาตินานาเห็นชัยเจ้าเฝ้าตาตื่น
กษัตริย์มวลเห็นทั้งความยั่งยืน ได้ชมชื่นความประเทืองรุ่งเรือเนา
ใครทั้งนั้นเรียกเจ้าเอาชื่อใหม่ พระเจ้าได้ตั้งประทานเรียกขานเฝ้า
เจ้าเป็นดุจมงกุฎด้วยสวยเพริศเพรา ของพระเจ้ายิ่งใหญ่ไท้ทรงธรรม
เขาไม่เรียกเจ้าอีกคราว่า “ทอดทิ้ง” เขาหยุดนิ่งต่อไปไม่เอ่ยพร่ำ
ดินแดนเจ้าเขาไม่เพรียกเรียกตามคำ “ภรรยาซ้ำถูกทอดทิ้ง” ต่างนิ่งเฉย
ชื่อใหม่เจ้าเปลี่ยนเป็นเห็นมั่นคง เรียกเปิดเผย “สมรสอย่างสร้างสุข” ครัน
เพราะพระเจ้าโปรดปรานประทานให้ แก่เจ้าไว้ด้วยทรงรักสมัครมั่น
ดินแดนของเจ้าเปรียบเทียบหญิงอัน สามีนั้นแนบข้างไม่ห่างกาย
พระเจ้าจะรับเจ้าเข้าคู่เคียง มาร่วมเรียงเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่ายหมาย
อยู่ร่วมกันมีสุขทุกข์ผ่อนคลาย ดุจหญิงชายคู่บ่าวสาวคราวชื่นชม
บนกำแพงแห่งนครเยรูซาเล็ม จัดยามเต็มอัตราเข้าเฝ้าเหมาะสม ๖
ทั้งกลางวันกลางคืนตื่นอารมณ์ อย่านิ่งงมเงียบงันไม่ทันการ
ให้เขาเตือนพระเจ้าเฝ้าระลึก คะนึงนึกถึงสัญญา ธ กล่าวขาน
พระสัญญาของพระองค์ทรงประทาน อย่าทรงผ่านลืมเขาไปให้หมองมัว
เตือนพระองค์อย่าหยุดยั้งกระทั้งจะ บูรณะเยรูซาเล็มเต็มที่ทั่ว
ทำให้เป็นเมืองงามสมนามตัว โลกระรัวเสียงสรรเสริญร้องเยินยอ
พระเป็นเจ้าทรงเผยเอ่ยวาจา ให้สัญญาอย่างหนักแน่นแม่นทุกข้อ
ตามสัญญาด้วยฤทธาค่าเพียงพอ พระองค์ขอให้เป็นไปดังใฝ่ปอง
ข้าวของเจ้าไม่เป็นเช่นอาหาร ไว้เจือจานศัตรูไม่ให้เกี่ยวข้อง
เหล้าองุ่นกรุ่นหอมพร้อมกลั่นกรอง แต่ชาติผองเจ้าไม่ให้ได้ดื่มกิน
แต่ผู้ที่ปลูกข้าเฝ้าคราดไถ เขาจะได้เก็บเกี่ยวเที่ยงเล็มสิ้น
จะได้กินขนมปังยังชีวิน เป็นอาจิณสรรเสริญองค์ทรงฤทธี
ผู้ดูแลไร่องุ่นวุ่นวายครัน เก็บผลพลันหลายหลากมากเหลือที่
จะได้ดื่มเหล้าองุ่นกรุ่นหอมดี ล้นเต็มปรี่ในลานวิหารเรา
ชาวเยรูซาเล็มเอ๋ยเราเอ่ยปาก จงออกจากเมืองไปให้ไกลเหย้า
สร้างถนนเพื่อประชาพาบรรเทา ใช้เดินเข้าสู่ประเทศกลับเขตแดน
จงเตรียมทำทางหลวงทั้งปวงไว้ จัดการให้เป็นระเบียบเรียบตามแผน
เอาหินออกให้หมดทางไว้ข้างแทน ขึ้นป้ายแขวนให้ชาติมวลควรรู้กัน
พระเจ้าทรงประกาศข่าวชาวโลกา แจ้งประชาเยรูซาเล็มเต็มคำมั่น
พระผู้ช่วยให้รอดมาสู่หล้าครัน ชนเหล่านั้นทรงช่วยไว้ไม้นำมา
ใครจะเรียกเจ้าไซร้ไม่ยอมหยุด “คนพิสุทธิ์ของพระเจ้า” เนาในหล้า
หรือเรียกอีกชื่อพลันลั่นวาจา นามฉายา “ผู้ที่ไท้ช่วยไว้” นั้น
เขาจะเรียกเยรูซาเล็มเต็มวจี ว่า “เมืองที่พระเจ้ารัก” ประจักษ์มั่น
และขานชื่อเรียกใหม่ไปตามกัน อย่าหวานหวั่น “เมืองที่ไท้ไม่ทิ้งเลย”