พระธรรม อาโมส

บทที่ 1:2

                อาโมสแจ้งให้ประชาชนทราบดังนี้

                พระเจ้าทรงเปล่งสิงหนาท              จากราชบรรพตเรืองศรี

นามว่าศิโยนรุจี                                                    เกิดมีอาเพศเหตุภัย

เสียงนั้นสะท้านลั่นทุ่ง                                       จากกรุงสนั่นหวั่นไหว

ก่อความหวาดหวั่นพรั่นใจ                                พฤกษ์ไพรแปรผันทันตา

                ทุ่งหญ้าเคยขจีสีสด                              ปรากฏแห้งแล้งนักหนา

ยอดเขา คารเมล เห็นมา                                      งามสง่าใดเทียบเปรียบปาน

เปลี่ยนแปลงฉับพลันทันที                                ด้วยมีพระเดชบรรหาร

กลับกลายเป็นสีน้ำตาล                                       เหตุการณ์ดั่งนี้อัศจรรย์

 

บทที่ 3:3-8      งานของผู้ประกาศพระวาจาอาโมส

                สองชายหมายร่างทาง        ต่างคนต่างไร้สัมพันธ์

ไปได้อย่างไรกัน                                  หมดรสชาติขาดไม่ตรี

                สิงโตในป่าใหญ่                  มันคงไม่เอ่ยวจี

คำรามด้วยยินดี                                     หากไม่พบเหยื่อยังชนม์

                หากจับเหยื่อมิได้                 สิงห์นุ่มไซร้รึคำรณ

หากไร้เหยื่อล่อยล                               นกที่ไหนติดกับพราน

                หากไร้สิ่งใดจับ                    กับดีดกลับก็พิสดาร

แตรศึกปลุกฮึกหาญ                            มิก่อพรั่นหวั่นกลัวไฉน

                เหตุร้ายภัยนานา                  เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

หากว่าพระเจ้าไซร้                              ไม่ทรงให้เกิดมีมา

                พระเจ้าทรงเปิดเผย             เหมือนทรงเอ่ยพระวาจา

แก่ปวงปราชญ์เมธี                              ทราบล่วงหน้าก่อนใครใคร

                เมื่อสิงห์คำรามลั่น               อดใจหวั่นได้ฉันใด

คราเมื่อ ธ ทรงใช้                                 พระดำรัสที่ตรัสสอน

                ใครเล่าไม่เลื่อมใส               หรืออดใจไม่อาทร

นำไปประกาศป้อน                             แก่ประชาทั่วสากล

 

บทที่ 4:13

                พระเจ้าผู้สร้างคีรี                 และให้เกิดมี

ลมพายุยั่งยืนนาน

                ทรงให้มนุษย์มีญาณ           หยั่งความิดอ่าน

ขององค์พระผู้สร้างตน

                ทรงเปลี่ยนวันคืนเวียนวน   สมญาสากล

พระเจ้าผู้ทรงฤทธา

 

บทที่ 5:8-9

                พระเจ้าทรงสร้างรุกขา       สร้างดวงดารา

ทรงเปลี่ยนราตรีเป็นอรุณ

                ทรงเปลี่ยนกลางวันพลันหมุน  เพื่อพบอบอุ่น

เป็นช่วงสงัดรัตติกาล

                ตรัสเรียกน้ำทะเลโอฬาร    เทสู่จักรวาล

สมญาพระเจ้าทรงธรรม

                พระองค์ทรงทำอัศจรรย์     โค่นคู่แข่งขัน

รวมทั้งค่ายป้อมปราการ

 

บทที่ 9:5-6

                พระเจ้าทรงฤทธา                แตะโลกาก็ละลาย

ผู้คนจักฟูมฟาย                                     ร้องไห้ร่ำน้ำตานอง

                จักเกิดแผ่นดินไหว              โลกแกว่งไกวน่าสยอง

เหมือนน้ำไนล์คะนอง                       ที่แกว่งไกวไหลขึ้นลง

                พระเจ้าสร้างสรรค์              เป็นช่อชั้นน่าพิศวง

สร้างโลกอย่างบรรจง                         เวหาโค้งคลุมปฐพี

                ทรงเรียกน้ำทะเล                 ให้ไหลเทสู่ธรณี

สมญาพระเจ้านี้                                   คือพระเจ้าเราทั้งมวล

 

บทที่ 9:13-15

                พระเจ้าตรัสสัญญา              พระวาจามั่นคงครัน

สักวันวันหนึ่งนั้น                             ภายภาคหน้าจะมาถึง

                คนไถทันคนเกี่ยว                บัดเดี๋ยวเดียวควรตะลึง

รีบรุดสุดคะนึง                                     ดั่งจักรผันในทันใด

                คนทำเหล้าองุ่น                   ปานจับหมุนเครื่องกลไก

ทำทันคนในไร่                                    ที่หว่านพืชองุ่นพันธุ์

                เหล้าองุ่นหอมกรุ่นฆาน     รสแสนหวานเพียงเสกสรร

จักย้อยหยดลงพลัน                             จากบรรพตรดนองเนิน

                เรานี้จะนำเหล่า                   คนของเราให้ก้าวเดิน

คืนถิ่นอันจำเริญ                                  แม้ซากปรักล้วนหักพัง

                เราจะซ่อมสร้างใหม่           ให้วิไลสมใจหวัง

รู้เสริมเพิ่มกำลัง                                   ทำสวนไร่ได้เลี้ยงชนม์

                เรามอบดินแดนนั้น             เป็นของขวัญแก่ทุกคน

ให้เขาอยู่คงทน                                    ไม่พลัดพรากต้องจากไป

                นี่คือพระวาจา                      ได้สัญญาสำแดงไข

ทรงตรัสดั่งนี้ไซร้                                พึงกำหนดจดจำเทอญ